ข้อรำพึงที่ 1 พระเยซูเจ้าทรงรับพิธีล้าง ณ แม่น้ำจอร์แดน
1. ท่านยอห์นทำพิธีล้างในถิ่นทรุกันดาร และประกาศว่า “มีอีกผู้หนึ่งกำลังมาภายหลังข้าพเจ้า ข้าพเจ้าไม่สมควร แม้แต่จะก้มลงแก้สายรัดรองเท้าของเขา”
2. เวลานั้นพระเยซูเจ้าเสด็จมาจากแควันกาลิลี ถึงแม่น้ำจอร์แดน เพื่อรับพิธีล้างจากยอห์น
3. ท่านยอห์นพยายามชักชวนพระองค์ ให้เปลี่ยนพระทัย พูดว่า “ข้าพเจ้าควรจะรับพิธีล้างจากท่าน แต่ท่านกลับมาพบข้าพเจ้า”
4. พระเยซูเจ้าตรัสว่า “เวลานี้ปล่อยให้เป็นเช่นนี้ก่อน เพราะเราควรจะทำทุกอย่างตามพระประสงค์ ของพระเจ้า”
5. ขณะที่พระคริสตเจ้าเสด็จลงไปในน้ำ พระองค์เป็นผู้บริสุทธิ์ แต่มารับสภาพบาป เพราะเห็นแก่เรา
6. เมื่อพระเยซูเจ้าทรงรับพิธีล้างแล้ว เสด็จขึ้นจากน้ำ ทันใดนั้นท้องฟ้าเปิดออก
7. พระองค์ทอดพระเนตรเห็นพระจิตของพระเจ้าเสด็จลงมาเหนือพระองค์ดุจนกพิราบ
8. มีเสียงจากสวรรค์กล่าวว่า “ผู้นี้เป็นบุตรสุดที่รักของเรา เป็นที่โปรดปรานของเรา”
9. พระจิตเจ้าเสด็จลงเหนือพระองค์ เพื่อส่งพระองค์ไปปฏิบัติภารกิจที่ได้รับมอบ
10. พระเจ้าทรงเจิมพระเยซูเจ้า ด้วยพระอานุภาพของพระจิตเจ้า พระเยซูเจ้าเสด็จผ่านไปที่ใดทรงกระทำความดี และทรงรักษาทุกคนที่อยู่ใต้อำนาจของปีศาจ
ข้อรำพึงที่ 2 พระเยซูเจ้าทรงเผยพระองค์เองในงานมงคลสมรส ณ หมู่บ้านคานา
1. สามวันต่อมา มีงานมงคลสมรสที่หมู่บ้านคานาในแคว้นกาลิลี พระมารดาของพระเยซูเจ้าทรงอยู่ในงานนั้น
2. พระเยซูเจ้าได้รับเชิญพร้อมกับบรรดาศิษย์มาในงานนั้นด้วย
3. เมื่อเหล้าองุ่นหมด พระมารดาของพระเยซูเจ้าจึงมาทูลพระองค์ว่า “เขาไม่มีเหล้าองุ่นแล้ว”
4. พะเยซูเจ้าตรัสว่า “หญิงเอ๋ย ท่านต้องการสิ่งใดเวลาของเรายังมาไม่ถึง”
5. พระมารดาของพระเยซูเจ้า จึงกล่าวแก่บรรดาคนรับใช้ว่า “เขาบอกให้ท่านทำอะไร ก็จงทำเถิด”
6. พระเยซูเจ้าตรัสกับบรรดาคนใช้ว่า “จงตักน้ำใส่โอ่งให้เต็ม” เขาก็ตักใส่เต็มถึงขอบ
7. พระเยซูเจ้าทรงสั่งอีกว่า “จงตักไปให้ผู้จัดงานเลี้ยงเถิด” ผู้จัดงานเลี้ยงได้ชิมน้ำที่เปลี่ยนเป็นเหล้าองุ่นแล้ว ไม่รู้ว่าเหล้านี้มาจากไทน
8. พระเยซูเจ้าทรงกระทำเครื่องหมายอัศจรรย์ครั้งแรกนี้ ที่หมู่บ้านคานา แควันกาลิลี
9. พระเยซูเจ้าทรงแสดงพระสิริรุ่งโรจน์ของพระองค์และบรรดาศิษย์เชื่อในพระองค์
10. ให้เราขอบคุณพระนางมารีย์ผู้เป็นศิษย์กลุ่มแรกได้มีส่วนริเริ่มในเหตุการณ์นี้
ข้อรำพึงที่ 3 พระเยซูเจ้าทรงประกาศพระอาณาจักรของพระเจ้าและทรงเรียกผู้คนให้กลับใจ
1. หลังจากที่ยอห์นถูกจองจำ พระเยซูเจ้าเสด็จไปยังแคว้นกาลิลี ทรงประกาศเทศนาข่าวดีของพระเจ้า
2. พระเยซูเจ้าทรงประกาศว่า “เวลาที่กำหนดไว้มาถึงแล้ว พระอาณาจักรของพระเจ้าอยู่ใกล้แล้วจงกลับใจและเชื่อข่าวดีเถิด”
3. พระเยซูเจ้าเสด็จไปทั่วแควันกาลิลี ทรงสั่งสอนในศาลาธรรม ทรงประกาศข่าวดีเรื่องพระอาณาจักร ทรงรักษาโรคและความเจ็บไข้ทุกชนิดของประชาชน
4. เมื่อพระเยซูเจ้าทรงเห็นความเชื่อของคนเหล่นั้น จึงตรัสแก่คนอัมพาตว่า “ลูกเอ๋ย บาปของท่านได้รับการอภัยแล้ว”
5. บรรดาธรรมาจารย์ที่เป็นฟาริสี เห็นพระเยซูเจ้าเสวยร่วมกับคนบาปและคนเก็บภาษี จึงถามศิษย์ของพระองค์ว่า “ทำไมอาจารย์ของท่านกินอาหารกับคนเก็บภาษีและคนบาปเล่า”
6. พระเยซูเจ้าทรงได้ยินดังนั้นจึงตรัสตอบว่า “คนสบายดีไม่ต้องการหมอ แต่คนเจ็บไข้ต้องการ…
7. เราไม่ได้มาเพื่อเรียกคนชอบธรรม แต่เรามาเพื่อเรียกคนบาป”
8. พระเยซูเจ้าตรัสถามคนทั้งหลายว่า “ในวันสับบาโตนั้นควรทำความดีหรือความชั่ว ควรจะช่วยชีวิตหรือปล่อยให้ตายไป”
9. พระเยซูเจ้าทรงอภัยบาปของทุกคน ที่เข้ามาหาด้วยความไว้วางใจ และสุภาพ
10. พระเยซูเจ้าทรงริเริ่มพระเมตตา และยังปฏิบัติอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะอย่างยิ่งอาศัยศีลอภัยบาป ซึ่งมีอยู่ในพระศาสนจักร
ข้อรำพึงที่ 4 พระเยซูเจ้าทรงสำแดงพระกายอย่างรุ่งโรจน์ ณ ภูเขาทาบอร์
1. พระเยซูเจ้าทรงอธิษฐานภาวนาอยู่เพียงพระองค์เดียว บรรดาศิษย์เข้ามาเฝ้า พระองค์จึงตรัสถามเขาว่า “ประชาชนว่าเราเป็นใคร?”
2. บรรดาศิษย์ทูลตอบว่า “บ้างว่าเป็นยอห์นผู้ทำพิธีล้าง บ้างว่าเป็นเอลียาห์ บ้างว่าเป็นประกาศกในอดีตกลับคืนชีพ
3. พระเยซูเจ้าตรัสถามเขาว่า “ท่านล่ะว่าเราเป็นใคร?” เปโตรทูลตอบว่า “พระองค์คือพระคริสต์ของพระเจ้า”
4. พระเยซูเจ้าตรัสว่า “บุตรแห่งมนุษย์จะต้องทรมานเป็นอันมาก…. จะถูกประหารชีวิตแต่จะกลับคืนชีพในวันที่สาม
5. ต่อมาหลังจากนั้นแปดวัน พระเยซูเจ้าทรงพาเปโตร ยอห์น และยากอบ ขึ้นไปบนภูเขา เพื่ออธิษฐานภาวนา
6. ขณะที่พระเยซูเจ้าอธิษฐานภาวนาอยู่นั้นลักษณะของพระพักตร์เปลี่ยนไปและฉลองพระองค์มีสีขาวเจิดจ้า
7. ทันใดนั้น บุรุษสองคนคือโมเสสและประกาศกเอลียาห์ มาสนทนากับพระองค์
8. ทั้งสองคนปรากฎมาในสิริรุ่งโรจน์ กล่าวถึงการจากไปของพระองค์ที่กำลังจะสำเร็จในกรุงเยรูซาเล็ม
9. เปโตรและเพื่อนที่อยู่ด้วยต่างก็ง่วงนอนมาก เมื่อตื่นขึ้นก็เห็นพระสิริรุ่งโรจน์ของพระเยซูเจ้า และเห็นบุรุษทั้งสอง
10. พระบิดาตรัสกับอัครสาวกว่า “จงฟังท่านเถิด” และได้เตรียมพวกเขา ให้มีประสบการณ์มหาทรมาน เพื่อให้เขาได้รับความยินดีในการกลับคืนพระชนมชีพ และดำเนินชีวิตอาศัยพระจิตเจ้า
ข้อรำพึงที่ 5 พระเยซูเจ้าทรงตั้งศีลมหาสนิท เพื่อเป็นเครื่องหมายของธรรมล้ำลึกปาสกา
1. ก่อนวันฉลองปาสกา พระเยซูเจ้าทรงทราบว่าถึงเวลาแล้วที่จะทรงจากโลกนี้ไปเฝ้าพระบิดา
2. พระเยซูเจ้าทรงรักผู้ที่เป็นของพระองค์ ซึ่งอยู่ในโลกนี้ พระองค์ทรงรักเขาจนถึงที่สุด
3. เมื่อถึงเวลา พระเยซูเจ้าประทับที่โต๊ะพร้อมกับบรรดาอัครสาวก
4. พระองค์ตรัสกับเขาว่า “เราปรารถนาอย่างยิ่งจะกินปาสกาครั้งนี้ร่วมกับท่านก่อนจะรับทรมาน
5. เราบอกท่านทั้งหลายว่าเราจะไม่กินปาสกาอีกจนกว่าปาสกานี้จะเป็นความจริง ในพระอาณาจักร
ของพระเจ้า”
6. พระองค์ทรงหยิบถ้วยขึ้น ทรงขอบพระคุณตรัสว่า “จงรับถ้วยนี้ไปแบ่งกันดื่มเถิด
7. เราบอกท่านทั้งหลายว่าตั้งแต่นี้ไปเราจะไม่ดื่มเหล้า จากผลองุ่นอีกจนกว่าพระอาณาจักรของพระเจ้าจะมาถึง”
8. พระองค์ทรงหยิบปัง ทรงขอบพระคุณ ทรงบิขนมปังประทานให้บรรดาศิษย์ ตรัสว่า “นี่เป็นกายของเราที่ถูกมอบเพื่อท่านทั้งหลาย…. “
9. พระองค์ทรงหยิบถ้วยตรัสว่า “ถ้วยนี้เป็นพันธสัญญาใหม่ในโลหิตของเรา ที่หลั่งเพื่อท่านทั้งหลาย”
10. ศีลมหาสนิทเป็นเพลงขอบพระคุณที่สง่า เพื่อประวัติศาสตร์แห่งความรอด พระเยซูเจ้าทรงมอบชีวิตของพระองค์ ด้วยการขอบพระคุณ พระองค์ทรงขอบพระคุณสำหรับแผนการความรอดที่มีศูนย์รวมอยู่ในธรรมล้ำลึกปาสกา พระองค์ทรงขอบพระคุณสำหรับความตาย และการกลับคืนพระชนมชีพ