วันพฤหัสบดี, 7 พฤศจิกายน 2567
  

การเข้าเฝ้าแบบทั่วไป (General Audience) วันพุธที่ 10 มีนาคม 2021 ณ ห้องสมุดวาติกัน

การสอนคำสอน พระสันตะปาปาแบ่งปันการจาริกแสวงบุญเพื่อสันติภาพ ขณะเยือนประเทสอีรัก (5-8 มีนาคม 2021)

อรุณสวัสดิ์ ลูก ๆ และ พี่น้องชายหญิงที่รักทั้งหลาย

        เมื่อสองสามวันที่ผ่านมา พระเจ้าได้ทรงโปรดให้พ่อได้มีโอกาสจาริกแสวงบุญเดินทางไปเยือนประเทศอิรักเพื่อปฏิบัติพันธกิจตามโครงการที่เคยตั้งพระทัยไว้ของนักบุญจอห์น พอลที่ 2  ในประวัติศาสตร์ไม่เคยปรากฏมาก่อนที่พระสันตะปาปาได้เสด็จไปเยือนดินแดนแห่งอับราฮัม พระญาณสอดส่องของพระเจ้าโปรดทำให้สิ่งนี้เกิดขึ้นได้ดุจเป็นเครื่องหมายแห่งความหวัง หลังจากที่เกิดโศกนาฏกรรมสงครามและการก่อการร้ายเป็นเวลาหลายปีรวมถึงในช่วงที่เกิดโรคระบาดโควิด-19

        หลังการเยือนครั้งนี้ดวงวิญญาณของพ่อเปี่ยมล้นด้วยความกตัญญูต่อพระเจ้าและต่อผู้ที่เตรียมการต่าง ๆ โดยความยากลำบากให้ทุกสิ่งเป็นไปได้ ขอขอบคุณประธานาธิบดีแห่งสาธารณรัฐอิรัก พระอัยกาและบิชอปของประเทศ พร้อมกับเจ้าหน้าที่ทุกหน่วยงานและประชาสัตบุรุษนิกายต่างๆ คำขอบคุณของพ่อไปยังผู้ประสานงานและคณะนักบวชที่ได้ช่วย โดยเฉพาะท่านมหาอยาโตลล่าห์อัล-ซิสตานี (Grand Ayatollah Al-Sistani) ซึ่งพ่อได้มีโอกาสพบปะหารือกับท่านที่เมืองนาจาฟ (Najaf) ณ สำนักของท่าน

        ในการเดินทางแสวงบุญครั้งนี้ พ่อรู้สึกในจิตสำนึกแห่งความทุกข์ระทมอย่างมากของประชาชน พ่อรู้สึกหนักในห้วงลึกของหัวใจด้วยความสงสารที่เข้าไปใกล้ชิดผู้คนเหล่านั้น และพระศาสนจักรที่เป็นมรณะสักขีนั้น โดยที่ต้องแบกไม้กางเขนในนามของพระศาสนจักรคาทอลิกซึ่งเป็นไม้กางเขนที่พวกเขาต้องแบกอย่างหนักอึ้งเป็นเวลาหลายปี เป็นไม้กางเขนที่ใหญ่มากดุจดังไม้กางเขนที่พวกเขาตั้งไว้ที่ประตูเมืองการากอซ (Qaraqosh) โดยเฉพาะอย่างยิ่งพ่อรู้สึกว่าได้มองเห็นบาดแผลที่ยังเปิดกว้างอยู่อันเป็นผลมาจากการทำลาย และซ้ำร้ายไปกว่านั้นอีกเมื่อได้พบปะประชาชนและได้ฟังประจักษ์พยานของผู้ที่รอดชีวิตจากการใช้ความรุนแรงการเบียดเบียนโดยการถูกเนรเทศ… ในขณะเดียวกันพ่อยังเห็นความชื่นชมยินดีแห่งการต้อนรับผู้ถือสาส์นของพระเยซูคริสต์ พ่อมองเห็นความหวังที่กำลังแย้มออกจากขอบฟ้าแห่งสันติสุข และภราดรภาพซึ่งสรุปในพระวาจาของพระเยซูคริสต์ที่เป็นคติพจน์แห่งการจาริกของพ่อครั้งนี้ นั่นคือ “ท่านทั้งหลายเป็นพี่น้องกัน”(มธ. 23: 8) พ่อมีความหวังนี้ในคำปราศรัยของประธานาธิบดีแห่งสาธารณรัฐอีรัก พ่อได้พบบรรยากาศความเป็นพี่น้องในการต้อนรับอย่างอบอุ่นหลายครั้งในหลากหลายรูปแบบ และประจักษ์พยานในบทเพลงขับร้องและท่าทีของประชาชน พ่ออ่านได้จากใบหน้าของเยาวชนและจากสายตาที่ลุกเป็นประกายของผู้สูงอายุ ผู้คนยืนรอต้อนรับพ่อและคณะผู้ติดตามถึง 5 ชั่วโมง แม้กระทั่งสตรีที่มีลูกน้อยในอ้อมกอด พวกเขาต่างรอคอยและมีความหวังในดวงตาของพวกเขา

        ประชาชนชาวอิรักมีสิทธิที่จะมีชีวิตในสันติสุข พวกเขามีสิทธิในศักดิ์ศรีที่เป็นของพวกเขา รากเหง้าทางศาสนาและวัฒนธรรมของพวกเขาย้อนหลังกลับไปนับพันๆ ปี ดินแดนเมโซโปตาเมียเป็นบ่อกำเนิดแห่งความศิวิไลซ์ ในเชิงประวัติศาสตร์กรุงแบกแดดเป็นเมืองหลวงที่มีความสำคัญเป็นอันดับต้น ๆ ตลอดหลายศตวรรษ ณ มหานครมีห้องสมุดที่มั่งคั่งสมบูรณ์ที่สุดในโลก และสิ่งใดเล่าที่ไปทำลายความศิวิไลซ์นี้? นั่นคือสงคราม สงครามเป็นปิศาจตัวร้ายเสมอที่จะคอยเปลี่ยนยุคสมัย และจ้องที่จะกลืนกินมนุษย์อย่างไม่มีวันจบสิ้น แต่คำตอบในการทำสงครามไม่ใช่เป็นการทำสงครามอีกครั้งหนึ่ง คำตอบด้านอาวุธไม่ใช่ด้วยอาวุธ แล้วพ่อถามตัวเองว่า แล้วใครล่ะที่ขายอาวุธให้แก่ผู้ก่อการร้าย?  ทุกวันนี้ผู้ใดขายอาวุธให้กับผู้ก่อการร้าย ซึ่งเป็นต้นเหตุให้มีการฆ่าฟันกันในภูมิภาคต่างๆ ขอให้พวกเราลองคิดถึงทวีปแอฟริกา นี่เป็นเรื่องที่พ่ออยากให้มีคำตอบชัดเจน คำตอบนั้นไม่ใช่สงคราม แต่ต้องเป็นการตอบด้วยภราดรภาพนี่เป็นความท้าทายไม่ใช่สำหรับประเทศอิรักเท่านั้น ทว่าเป็นความท้าทายสำหรับหลายภูมิภาคที่มีความขัดแย้งกัน ซึ่งในที่สุดแล้วความท้าทายสำหรับโลกทั้งโลกก็คือภราดรภาพ พวกเราสามารถสร้างภราดรภาพในหมู่พวกเราเองไหม?  ในการสร้างวัฒนธรรมแห่งการเป็นพี่น้องกันไหม? หรือพวกเราจะใช้ตรรกะของกาอิน การทำสงคราม  ลูก ๆ และพี่น้องที่รัก พวกเราต้องตอบสนอบต่อการท้าทายด้วยการเป็นพี่น้องกัน

        ด้วยเหตุนี้พวกเราจึงไปพบปะและอธิษฐานภาวนาร่วมกันกับบรรดาพี่น้องทั้งชาวยิว ชาวคริสต์ และชาวมุสลิม รวมทั้งและผู้แทนศาสนานิกายต่างๆ ณ เมืองอูร์ (Ur) ที่ซึ่งอับราฮัมได้รับการเรียกของพระเจ้าเมื่อประมาณสี่พันปีที่แล้ว อับราฮัมเป็นบิดาของพวกเราในความเชื่อ เพราะท่านฟังเสียงของพระเจ้าซึ่งให้คำมั่นสัญญาว่าท่านจะมีลูกหลานมากมาย อับราฮัมทิ้งทุกสิ่งทุกอย่างแล้วเดินทางจากบ้านเกิดเมืองนอนไป พระเจ้าทรงซื่อสัตย์ต่อพันธสัญญาของพระองค์ และทรงนำการเดินทางของพวกเราสู่สันติสุข แม้กระทั่งในทุกวันนี้ พระองค์ทรงนำทางของผู้ที่เดินทางในโลกนี้ขอให้แหงนหน้าขึ้นสู่ฟ้าสวรรค์ และที่เมืองอูร์ (Ur) พวกเราต่างยืนอยู่ใต้ท้องฟ้าที่สว่างเจิดจ้าซึ่งเป็นท้องฟ้าเดียวกันกับที่อับราฮัมบิดาของพวกเรามองเห็น พวกเราคือลูกหลานของอับราฮัม วลีที่ว่า ท่านทั้งหลายต่างก็เป็นพี่น้องกันดูเหมือนจะดังก้องกังวานขึ้นมาอีกครั้งหนึ่ง

        สาส์นภราดรภาพมาจากการพบปะของพระศาสนจักรในอาสนวิหารซีโรคาทอลิกในกรุงแบกแดด ณ ที่ซึ่ง 48 คน รวมทั้งบาดหลวงศาสนบริกรสององค์ถูกฆ่าตายในระหว่างพิธีบูชาขอบพระคุณ (มิสซา) ในปี ค.ศ. 2010 พระศาสนจักรในประเทศอีรักเป็นพระศาสนจักรแห่งมรณะสักขี และในวัดนั้นมีข้อความการจารึกบนแผ่นศิลาเพื่อรำลึกถึงมรณะสักขีเหล่านั้น เสียงแห่งความชื่นชมยินดีก้องกังวานขึ้นอีกครั้งหนึ่ง  พ่อรู้สึกตื่นเต้นที่ได้อยู่ที่นั่นซึ่งเปี่ยมด้วยความยินดีที่มีพระสันตะปาปาอยู่ท่ามกลางพวกเขา

        พวกเราได้มอบสาส์นแห่งภราดรภาพตั้งแต่เมืองโมซูล (Mosul) และเมืองการากอซ (Qaraqosh) ซึ่งตั้งอยู่บนฝั่งแม่น้ำไทกริส (Tigris) ใกล้ ๆ กับสิ่งสลักหักพังแห่งเมืองนินีเวห์โบราณ การยึดครองดินแดนของพวกไอซิส (ISIS) เป็นสาเหตุให้ผู้คนนับพันนับหมื่นต้องอพยพ ซึ่งพวกเขาเหล่านั้นมีคริสตชนนิกายต่างๆ จำนวนไม่น้อยรวมอยู่ด้วยโดยเฉพาะอย่างยิ่งชุมชนยาซาดีส (Yazadis) ซึ่งเป็นชนกลุ่มน้อย  สิ่งที่เป็นอัตลักษณ์เก่าแก่ของเมืองเหล่านี้ถูกทำลายจนสิ้น ขณะนี้พวกเขาพยายามอย่างสุดความสามารถที่จะบูรณะเมืองขึ้นมาใหม่

        อัตลักษณ์โบราณแห่งเมืองเหล่านี้ถูกทำให้พินาศพังสลาย บัดนี้พวกเขาพยายามกันอย่างสุดความสามารถที่จะบูรณะขึ้นมาใหม่ พี่น้องชาวมุสลิมเชิญชวนคริสตชนให้กลับมาช่วยกันบูรณะทั้งวัดและสุเหร่า นี่แสดงให้เห็นถึงความเป็นพี่เป็นน้องกัน  ขอให้พวกเราอธิษฐานภาวนาต่อไปเพื่อพวกเขา ซึ่งเป็นพี่น้องของพวกเราเองผู้ที่เหน็ดเหนื่อยอย่างแสนสาหัส เพื่อที่พวกเขาจะได้มีกำลังที่จะเริ่มต้นใหม่อีกครั้งหนึ่ง และเมื่อคิดถึงชาวอิรักจำนวนมากที่ต้องอพยพไป พ่อปรารถนาที่จะกล่าวกับพวกเขาว่า ท่านได้ทิ้งทุกสิ่งทุกอย่างไปดุจอับราฮัม เช่นเดียวกันกับอับราฮัมจงรักษาความเชื่อและความหวังของท่านไว้ จงเป็นผู้สานมิตรภาพและการเป็นพี่น้องกันไม่ว่าท่านจะอยู่ที่ใด และหากท่านสามารถ ก็ขอร้องให้กลับสู่บ้านเกิดเมืองนอนของท่าน

        สาส์นแห่งภราดรภาพ เกิดจากการเฉลิมฉลองศีลมหาสนิททั้งสองครั้ง ครั้งหนึ่งที่กรุงแบกแดดด้วยจารีตพิธีคัลเดียน และอีกครั้งหนึ่งที่เมืองอัรบีล เป็นเมืองที่พ่อได้รับการต้อนรับจากประธานาธิบดีแห่งภูมิภาคเฉพาะแห่งนี้ รวมทั้งนายกรัฐมนตรีและคณะซึ่งพ่อขอขอบคุณเป็นอย่างยิ่งที่พวกท่านต้อนรับพ่ออย่างอบอุ่น นอกนั้นยังมีประชาชนจำนวนมากที่มาต้อนรับพ่อด้วย ความหวังของอับราฮัมและลูกหลานสำเร็จลุล่วงไปในพระธรรมล้ำลึกที่พวกเราทำการเฉลิมฉลอง ในองค์พระเยซูคริสต์พระบุตรของพระเจ้า พระบิดาทรงกระทำทุกอย่างเพื่อความรอดของทุกคน โดยอาศัยการสิ้นพระชนม์และการเสด็จกลับคืนพระชนม์ชีพ พระองค์ทรงเปิดหนทางสู่ดินแดนแห่งพันธสัญญา สู่ชีวิตใหม่ที่จะไม่มีน้ำตาอีกต่อไป บาดแผลจะต้องได้รับการเยียวยา พี่น้องจะต้องมีการคืนดีกัน

        ลูก ๆ และ พี่น้องชายหญิงที่รัก ขอให้พวกเราสรรเสริญพระเจ้าสำหรับการเยือนที่เป็นประวัติศาสตร์ครั้งนี้ และขอให้พวกเราอธิษฐานภาวนาต่อไปสำหรับดินแดนแห่งนี้และภูมิภาคตะวันออกกลาง  ในประเทศอิรักแม้จะมีเสียงร้องคำรามจากการถูกทำลายและค้าอาวุธสงคราม ต้นปาล์มที่เป็นสัญลักษณ์และเป็นความหวังของประเทศยังคงเจริญเติบโตและบังเกิดผลต่อไป ความเป็นพี่น้องก็ต้องเป็นเช่นเดียวกันเฉกเช่นผลของต้นปาล์ม ไม่มีเสียง ทว่าก็เจริญเติบโตและมีผล ขอให้พระเจ้าผู้ทรงเป็นองค์แห่งสันติสุขประทานอนาคตแห่งความเป็นพี่น้องกันแก่ชาวอิรัก ตะวันออกกลางและทั่วโลกด้วยเทอญ

คำทักทายจากพระสันตะปาปา

        ขอต้อนรับสัตบุรุษที่พูดภาษาอังกฤษ ขอให้การเดินทางในเทศกาลมหาพรตของพวกเรานำพวกเราไปสู่ความชื่นชมยินดีแห่งปัสกาด้วยดวงใจที่ชำระสะอาด และฟื้นฟูขึ้นใหม่โดยพระหรรษทานแห่งพระจิต ขอความชื่นชมยินดีแห่งสันติสุขในพระเยซูคริสต์สถิตอยู่กับท่านและครอบครัวของท่าน ขอพระเจ้าโปรดอวยพระพรทุกคน!

สรุปพระดำรัสของพระสันตะปาปา 

        ลูก ๆ และพี่น้องชายหญิงที่รัก โดยอาศัยพระญาณสอดส่องของพระเจ้าในหลายวันมานี้พ่อสามารถทำการเยือนครั้งแรกสู่ดินแดนของอับราฮัม ขอขอบคุณทุกคนที่ทำให้การเดินทางครั้งนี้สำเร็จลุล่วงไปได้ ขอบคุณท่านประธานาธิบดี พระอัยกา บิชอป และสัตบุรุษนิกายต่างๆ พ่อรู้สึกกตัญญูเป็นพิเศษต่อมหาอยาโตลลาห์ อัล-ซิสตานี (Grand Ayatollah Al-Sistani) ที่เปิดโอกาสให้เราพบปะกันที่เมืองนาจาฟ (Najaf) การเยือนของพ่อมีจุดประสงค์เป็นการจาริกแสวงบุญเพื่อใช้โทษบาป เพื่อแสดงความใกล้ชิดและความเอื้ออาทรกับพระศาสนจักรแห่งมรณะสักขีในดินแดนที่ต้องทุกข์ทรมานอย่างแสนสาหัสจากการใช้ความรุนแรง การก่อการร้าย สงคราม จนทำให้จำนวนคริสตนลดลงไปเป็นอันมาก ในการพบปะกับผู้นำศาสนาที่เมืองอูร์ (Ur) พวกเราอธิษฐานภาวนาเพื่อการเจริญเติบโตของความเป็นพี่น้องกันและการร่วมมือกันระหว่างผู้ที่มีความเชื่อ ณ ที่นั้นอับราฮัมได้รับเสียงเรียกของพระเจ้า ยังมีเยาวชนชาวอิรักที่เป็นคริสตชนคนหนึ่งและมุสลิมชาวอิรักคนหนึ่งได้มาพูดเรื่องที่น่าประทับใจมากถึงความเป็นมิตรกัน ให้ความเคารพต่อความแตกต่างในขณะที่ยึดมั้นในความรักต่อพระเจ้าและต่อเพื่อนบ้าน  ที่อาสนวิหารซีโรคาทอลิกในกรุงแบกแดดซึ่งสัตบุรุษ 48 คนถูกสังหารในปี ค.ศ. 2010 และในการพบปะกันที่เมืองโมซุลและเมืองการากอซท่ามกลางวัดและสุเหร่าที่ถูกทำลาย และในการเฉลิมฉลองศีลมหาสนิทที่กรุงแบกแดดและเมืองอัรบีล พวกเราไตร่ตรองถึงกระแสเรียกของพวกเราในฐานะคริสตชนที่ต้องเป็นประจักษ์พยานต่อการให้อภัยกัน การคืนดีกัน และการอยู่ร่วมกันอย่าสันติสุขดังที่พระเยซูคริสต์ทรงสอน ขอให้พวกเราอธิษฐานภาวนาเพื่อที่วันเหล่านี้จะได้ช่วยให้การเดินทางสู่มิตรภาพและสันติสุขในประเทศอิรัก ภูมิภาคตะวันนออกกลาง และทั่วทั้งโลกสำเร็จลุล่วงไปด้วยดี

(วิษณุ ธัญญอนันต์ – เก็บคำปราศรัยของพระสันตะปาปามาแบ่งปันและไตร่ตรอง)