วันจันทร์, 20 มกราคม 2568
  

ทูตสวรรค์แจ้งข่าว (Angelus) วันที่ 20 มิถุนายน 2021

อรุณสวัสดิ์ ลูก ๆ และ พี่น้องชายหญิงที่รักทั้งหลาย

        ในจารีตพิธีกรรมวันนี้ พระวาจาพระเจ้าเล่าถึงเรื่องราวของการที่พระเยซูคริสต์ทำให้พายุสงบ (มก. 4: 35-41) เรือที่ศิษย์ใช้ข้ามทะเลสาปถูกลมและคลื่นซัดโถมกระหน่ำ แล้วบรรดาศิษย์ก็กลัวเรือจะจม พระเยซูคริสต์ประทับอยู่บนเรือกับพวกเขาแต่พระองค์ทรงหลับสบายอยู่ที่หัวเรือ บรรดาศิษย์ที่ต่างก็ตกใจกลัวจึงร้องตะโกนไปยังพระองค์ “พระอาจารย์ไม่สนใจที่พวกเรากำลังจะตายหรือ?” (ข้อ 38)

        บ่อยครั้งในชีวิตของพวกเราก็เช่นเดียวกัน เมื่อถูกจู่โจมด้วยปัญหาชีวิตร้ พวกเราร้องเรียกไปยังพระเยซูคริสต์ “เหตุใดพระองค์จึงเงียบเฉยไม่ทำอะไรเพื่อที่จะช่วยฉันบ้าง?” โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อสิ่งต่าง ๆ ดูเหมือนว่าพวกเรากำลังจะล่มจมเพราะความรักต่อโครงการต่าง ๆ ซึ่งพวกเราตั้งความหวังไว้มากมายนั้นกำลังมลายหายไป หรือเมื่อพวกเราตกอยู่ในความโหดร้ายของพายุร้ายแห่งความร้อนใจ หรือเมื่อพวกเรารู้สึกว่าพวกเรากำลังจมน้ำอยู่กับปัญหา หรือกำลังสูญเสียชีวิตไปในกลางทะเลแห่งชีวิตโดยไม่เห็นฝั่งหรือท่าเรือ หรือแม้กระทั่งกำลังที่จะเดินต่อไปไม่ไหวเพราะหมดเรี่ยวแรงเพราะว่าพวกเราตกงาน หรือการตรวจสุขภาพที่ไม่คาดหวังจากแพทย์ทำให้พวกเรากังวลใจเรื่องชีวิตที่เจ็บป่วยของตัวเราเองหรือของบุคคลที่พวกเรารัก ยังมีหลายช่วงเวลาที่พวกเรารู้สึกว่าพวกเรากำลังตกอยู่ในพายุ พวกเรากำลังรู้สึกว่าพวกเรากำลังหมดหนทางและสิ้นหวัง

        ในสถานการณ์เหล่านี้และในสถานการณ์อื่นอีก พวกเรารู้สึกอึดอัดแทบหายใจไม่ออกเพราะความหวาดกลัวดุจบรรดาศิษย์ พวกเราอยู่เสี่ยงที่จะมองไม่เห็นสิ่งที่มีความสำคัญมากที่สุด ความจริงในเรือลำนั้นแม้พระเยซูคริสต์กำลังนอนหลับ ทว่าพระองค์ก็ประทับอยู่ที่นั้น และพระองค์ก็มีส่วนร่วมกับทุกสิ่งที่เกิดขึ้น ในการหลับของพระองค์ในมุมมองหนึ่งก็ทำให้พวกเราประหลาดใจ และในอีกมุมมองหนึ่งก็เป็นการทดลองใจพวกเรา  อันที่จริงพระองค์ทรงคอยเฝ้าดู – หากจะพูดเช่นนี้ – ว่าพวกเราจะปฏิบัติกับพระองค์ ที่จะวิงวอนพระองค์ ที่จะนำพระองค์เป็นสิ่งที่พวกเรากำลังมีประสบการณ์ที่ทำให้พระองค์เป็นศูนย์กลางชีวิต การหลับของพระองค์ทำให้พวกเราต้องตื่นขึ้นมา เตือนสติพวกเรานั่นเอง

        เพราะการเป็นศิษย์ของพระเยซูคริสต์ ยังไม่เป็นการเพียงพอที่จะเชื่อว่าพระเจ้าทรงประทับอยู่ที่นั้น แต่พวกเราจะต้องนำตัวพวกเราไปอยู่ ณ ที่นั้นกับพระองค์ พวกเราต้องยกเสียงของพวกเราขึ้นกับพระองค์ พวกเราต้องร้องเรียกหาพระองค์ พวกเราต้องสวดภาวนาบ่อยๆ พวกเราต้องร้องเรียก “ข้าแต่พระเยซูคริสต์ โปรดช่วยให้ลูกรอด”  พ่อดูรายการ ชื่อ “ในภาพลักษณ์ของพระองค์” วันนี้ซึ่งเป็นวันผู้อพยพสากล หลายคนเดินทางด้วยเรือและในขณะที่เรือกำลังจะจมน้ำต่างคนต่างก็ตะโกนว่า “ช่วยเราด้วย” ในชีวิตของพวกเราก็เช่นเดียวกันสิ่งเดียวกันนี้จะเกิดขึ้น “ข้าแต่พระเยซูคริสต์ โปรดช่วยลูกด้วย” การสวดภาวนาจะเป็นการร้องเรียกหาพระเจ้า

        วันนี้พวกเราอาจถามตัวเราเองว่า อะไรคือลมที่กรรโชกใส่ชีวิตฉัน? คลื่นอะไรที่ต้านการเดินเรือของชีวิตฉันและเป็นอุปสรรคต่อชีวิตฝ่ายจิต กับชีวิตครอบครัว แม้กระทั่งกับชีวิตร่างกายของฉันที่กำลังตกอยู่ในอันตราย?  ขอให้พวกเราเล่าทุกสิ่งเหล่านี้กับพระเยซูคริสต์ พระองค์ต้องการฟัง พระองค์ต้องการให้พวกเรายึดมั่นอยู่กับพระองค์เพื่อที่จะพบกับที่พักพิงจากพายุแห่งชีวิตที่พวกเราไม่คาดฝัน พระวรสารเล่าว่าศิษย์เข้าไปหาพระเยซูคริสต์ ปลุกให้พระองค์ตื่นแล้วพูดกับพระองค์ (เทียบ ข้อ 38) นี่คือจุดเริ่มต้นแห่งความเชื่อของพวกเรา ที่จะต้องรับรู้ว่าโดยลำพังแล้ว พวกเราไม่อาจที่ลอยลำอยู่ทะเลของโลกที่อ้างว้างได้ พวกเราต้องการพระเยซูคริสต์ดุจลูกเรือที่ต้องการดวงดาวเพื่อหาทิศทางของตนเอง ความเชื่อเริ่มจากความเชื่อที่ว่า โดยลำพังตัวของพวกเราเองนั้นไม่เพียงพอ จึงต้องเกิดจากความรู้สึกว่าพวกเราต้องการพระเจ้า เมื่อพวกเราสามารถเอาชนะกับการล่อลวงที่จะปิดกั้นตัวเอง เมื่อพวกเราเอาชนะในความศรัทธาแบบเทียม ๆ ซึ่งไม่ต้องการที่จะรบกวนพระเจ้า เมื่อพวกเราเรียกหาพระองค์ พระองค์สามารถทำสิ่งอัศจรรย์ในตัวพวกเราได้อย่างแน่นอน นี่เป็นพลังแห่งการสวดภาวนาด้วยความสุภาพถ่อมตนและร้อนรน ซึ่งจะก่อให้เกิดอัศจรรย์

        เมื่อได้รับการขอร้องจากศิษย์ พระเยซูคริสต์ก็ทรงทำให้ลมและคลื่นสงบลง และพระองค์ก็ตรัสถามพวกเขา ซึ่งก็เกี่ยวกับพวกเราด้วยว่า “ “ทำไมพวกท่านจึงกลัว? ท่านไม่มีความเชื่อดอกหรือ?” (ข้อ 40) บรรดาศิษย์ตกอยู่ในความกลัวเพราะว่าพวกเขามัวแต่มองที่คลื่นมากกว่ามองไปที่พระเยซูคริสต์ เพราะความกลัวต่าง ๆ นานานั้นนำพวกเราให้มองไปยังความยากลำบากต่างๆ และปัญหาที่น่ากลัวแทนที่จะมองยังพระเยซูคริสต์ซึ่งแลดูนอนหลับหลายครั้งหลายครา ชีวิตจริงก็เป็นเช่นนี้กับพวกเราเช่นเดียวกัน กี่ครั้งกี่หนแล้วที่พวกเราติดอยู่กับปัญหาแทนที่จะเข้าไปหาพระเยซูคริสต์ แล้วมอบความกังวลใจของพวกเราไว้กับพระองค์ กี่ครั้งกี่หนที่พวกเราปล่อยให้พระเยซูคริสต์อยู่ที่มุมที่ก้นบึ้งแห่งเรือของชีวิตแล้วจะปลุกพระองค์ให้ตื่นก็ต่อเมื่อพวกเราเดือดร้อน วันนี้ขอให้พวกเราวิงวอนขอพระหรรษทานแห่งความเชื่อที่จะไม่หยุดยั้งในการแสวงหาพระเยซูคริสต์ ที่จะเคาะที่ประตูพระหฤทัยของพระองค์ ขอให้พระแม่มารีย์ซึ่งในชีวิตไม่เคยหยุดที่จะวางใจในพระเจ้าโปรดปลุกจิตสำนึกของพวกเราถึงความจำเป็นพื้นฐานที่จะมอบตัวของพวกเราไว้กับพระองค์ในแต่ละวันด้วยเทอญ

______________________________________

พระสันตะปาปาปราศรัยหลังการสวดทูตสวรรค์แจ้งข่าว

ลูก ๆ และ พี่น้องชายหญิงที่รัก

        พ่อขอร่วมเป็นเสียงเดียวกับบรรดาบิชอปแห่งประเทศเมียนมาร์ ซึ่งทำการอุทธรณ์ในสัปดาห์ที่แล้ว ซึ่งได้รับความสนใจอย่างมากกับประชาคมโลก ในประสบการณ์ของประชาชนนับแสนนับล้านคนในไประเทศเมียนมาร์ที่ต้องพลัดถิ่นและเจ็บป่วยล้มตายเพราะขาดอาหาร “พวกเราขอวิงวอนขอให้เปิดประตูแห่งความช่วยเหลือด้านมนุษยธรรมเข้ามา” และขอให้รวมถึง “วัด อาราม สุเหร่า รวมถึงโรงเรียนและโรงพยาบาลด้วย” ให้ได้รับความเคารพในฐานะที่เป็นสถานที่พักพิงซึ่งไม่ฝักฝ่ายการเมืองใด ๆ ขอให้พระหฤทัยของพระเยซูคริสต์สัมผัสดวงใจของทุกคนและนำสันติสุขมาสู่ชาวเมียนมาร์ด้วยเทอญ

        วันนี้พวกเรารำลึกถึงวันผู้อพยพสากลที่ส่งเสริมโดยองค์การสหประชาชาติภายใต้หัวข้อ “เราสามารถสร้างความแตกต่างด้วยกัน” ขอให้พวกเราเปิดใจสู่ผู้อพยพ ขอให้พวกเราทำให้ความทุกข์และความชื่นชมยินของพวกเขาเป็นของพวกเรา ขอให้พวกเราเรียนรู้ความกล้าหาญของพวกเขา ด้วยวิธีนี้โดยอาศัยการพร้อมใจกันพวกเราจะสามารถทำให้ชุมชนมนุษย์เจริญเติบโตขึ้นเป็นครอครัวใหญ่เดียวกัน

        ขอต้อนรับลูก ๆ และพี่น้องทุกคน ผู้ที่มาจากกรุงโรม จากประเทศอิตาลี และจากประเทศต่างๆ พ่อมองเห็นชาวเปรู ชาวโปแลนด์… และประเทศต่างๆ… โดยเฉพาะขอต้อนรับสมาพันธ์ลูกเสือและเนตรนารีคาทอลิกของประเทศอิตาลี ผู้แทนครูที่เป็นคุณแม่ในโรงเรียนคาทอลิก  เยาวชนจากศูนย์พระบิดาของพวกเรา (Our Father Center) ซึ่งก่อตั้งโดยบุญราศี คุณพ่อปูลิซี่ (Puglisi) เยาวชนจากเตรมิญอน (Tremignon) และ จากวาร์ราริโน (Varrarino) รวมทั้งประชาสัตบุรุษจากนิเชมี บารี อาซซีโอ (Niscemi, Bari, Azio) และจากวิลลา เดอ บริอาโน (Villa de Briano)

        ขอให้ลูก ๆ ทุกคนมีความสุขในวันอาทิตย์ โปรดอย่าลืมภาวนาสำหรับพ่อด้วย ขอให้รับประทานอาหารกลางวันด้วยความสุข แล้วค่อยพบกันใหม่ สวัสดี

(วิษณุ ธัญญอนันต์ – เก็บคำปราศรัยของพระสันตะปาปามาแบ่งปันและไตร่ตรอง)