

พระสันตะปาปาฟรานซิสทรงออกเดินทางจากท่าอากาศยานฟูมิชิโน (Fiumicino) กรุงโรมโดยเครื่องบินพระที่นั่งมุ่งสู่กรุงแบกแดด ตามกำหนดการเยือนแห่งอัครสาวก (Apostolic Visit) ณ ประเทศอิรักเป็นเวลา 4 วัน
พระสันตะปาปาและคณะฯ เสด็จโดยสายการบิน “Alitalia” A330 ที่ท่าอากาศยานฟูมิชิโน (Fiumicino) เช้าวันศุกร์เพื่อเดินทางเยือนประเทศอิรักที่อยู่ในตะวันออกกลาง เครื่องบินพระที่นั่งออกเวลา 7.45 น. และคาดว่าจะถึงสนามบินนานาชาติกรุงแบกแดดเวลาบ่ายสองโมงเวลาท้องถิ่น นี่เป็นการเสด็จเยือนครั้งแรกในประวัติศาสตร์โลกของพระสันตะปาปาไปยังประเทศอิรัก
การพบปะก่อนออกเดินทาง
ก่อนออกจากสถานพำนักซางตา มาร์ธา (Casa Santa Marta) เช้าวันศุกร์ พระสันตะปาปาฟรานซิสทรงพบปะด้วยเวลาสั้นๆ กับผู้อพยพชาวอิรักราวสิบสองคน ผู้ที่ลี้ภัยอยู่ในประเทศอิตาลี ผู้ลี้ภัยเหล่านั้นได้รับความช่วยเหลือจากชุมชนซาน เอจิดีโอ (Saint Egidio) และความร่วมมือของ “Auxilium Cooperative” พระคาร์ดินัลคอนราด ครายิวสกี้ (Konrad Krajewski) ผู้อำนวยการสำนักงานแจกจ่ายทานแห่งสันตะสำนักได้นำพวกเขาเข้าเฝ้าตามรายงานของมัตเตโอ บรูนี่ (Matteo Bruni) ผู้อำนายการสำนักข่าวแห่งสันตะสำนัก นครรัฐวาติกัน
ผู้บังคับบัญชาทหารอิรักสั่งเป็นวันพักการหยุดยิง
ในขณะที่พระสันตะปาปาเริ่มออกเดินทางกลุ่มนักรบชีอะห์ที่ทำการต่อสู้ในประเทศอิรักประกาศหยุดยิงชั่วคราวฝ่ายเดียวในช่วงที่พระสันตะปาปาเสด็จเยือนประเทศอิรัก หน่วยทหาร “Guardians of Blood Brigade” ประกาศว่าพวกเขาจะหยุดการปฏิบัติการทางทหารทุกชนิดในช่วงการเยือนของพระสันตะปาปาเพื่อแสดงความเคารพต่ออิหม่าม อัล-ซิสตานี่ (Imam al-Sistani) และในนามแห่งการต้อนรับของพี่น้องชาวอาหรับ เป็นที่ทราบกันในภาษาอาราบิค “ซารายา อาวลิยา อัลดัม – Saraya Awliya al-Dam” กลุ่มนักรบอ้างว่าการโจมตีด้วยจรวดในวันที่ 16 กุมภาพันธ์ต่อฐานทัพ ที่แอร์บิล (Erbil) ของกองทัพสหรัฐนั้นได้สังหารผู้รับเหมางานคนหนึ่ง
วันที่ 1 ของการเยือน: ณ กรุงแบกแดด
เมื่อเดินทางถึงอิรักสมเด็จพระสันตะปาปาจะทรงพบกับนายกรัฐมนตรีมุสตาฟา อัล-คาดีมี (Mustafa al-Kadhimi) แบบส่วนพระองค์ จากนั้นจะมีพิธีการต้อนรับที่วังประธานาธิบดี พระสันตะปาปาจะทรงเสด็จไปเยี่ยมประธานาธิบดีบาร์ฮัม ซาลีห์ (Barham Salih) พระสันตะปาปาฟรานซิสจะพบเป็นครั้งแรกกับเจ้าหน้าที่บ้านเมือง และทูตานุทูตเวลาบ่าย 15.45 น. ที่วังประธานาธิบดี หลังจากนั้นพระองค์จะเสด็จไปยังอาสนวิหารซีโรคาทอลิก “พระมารดาแห่งความรอด” จะพบกับบรรดาบิชอป บาดหลวง นักบวช เณร และครูสอนคำสอน
วันที่ 2 ของการเยือน: เมืองนาจาฟ (Najaf), เมืองอูร์ (Ur), กรุงแบกแดด (Bagdad)
วันเสาร์ ที่ 6 มีนาคม พระสันตะปาปาจะเสด็จโดยเครื่องบินพระที่นั่งไปยังเมืองนาจาฟ (Najaf) และเมืองอูร์ (Ur) จากนั้นจะเสด็จเดินทางกลับมา ณ กรุงแบกแดด
ด้วยกำหนดการที่ต้องออกจากกรุงแบกแดดเวลา 7.45 น. เหตุการณ์สำคัญแรกของวัน ณ เมืองนาจาฟ (Najaf) พระองค์เสด็จไปพบกับมหาอยาตอลลาห์ ซายิด อาลี อา-ฮุเซนี อัล-ซิสตานี (Grand Ayatollah Sayid Ali a-Husayni al-Sistani) ซึ่งถือกันว่าเป็นผู้นำฝ่ายจิตวิญญาณของชาวมุสลิมนิกายชีอะห์ที่สำคัญท่านหนึ่งของชาวอิรัก จากนั้นพระสันตะปาปาจะเสด็จไปยังเมืองนาสซีรียาอัท (Nassiryiaat) เวลา 10.15 น. เพื่อการพบปะผู้นำศาสนานิกายชีอะห์ ณ เมืองอูร์ (Ur) บ้านเกิดเมืองนอนของอับราฮัม ในช่วงเวลาสั้นๆ เวลา 11:00 น. จากนั้นพระองค์จะเสด็จกลับกรุงแบกแดด ณ ที่ซึ่งพระองค์จะประกอบวจนพิธีที่อาสนวิหารนักบุญโยเซฟแห่งจารีตตะวันออกคาลเดียน (Chaldean)
วันที่ 3 ของการเยือน: เมืองอัรบีล (Erbil), เมืองโมซูล (Mosul), และเมืองการากอซ (Qaraqosh)
วันอาทิตย์ ที่ 7 มีนาคม ซึ่งเป็นวันที่สามในประเทศอิรักพระสันตะปาปาจะทรงเดินทางไปยังเมืองอัรบีล (Erbil), เมืองโมซูล (Mosul) และเมืองการากอซ (Qaraqosh) ที่นั่นจะมีพิธีต้อนรับเมื่อไปถึงอัรบีล (Erbil) เวลา 8:20 น. โดยประธานาธิบดีแห่งแคว้นที่เป็นอิสระในการปกครองตนเองของชาวอีรัก คูร์ดีสถาน (Iraqi Kurdistan) และเจ้าหน้าที่พลเรือนของท้องที่ พระองค์จะพบปะกับเนชีร์วาน บาร์ซานี (Nechirvan Barzani) และมาสรูร์ บาร์ซานี (Masrour Barzani) ซึ่งเป็นประธานาธิบดีและรองประธานาธิบดีของแคว้นเป็นการส่วนพระองค์ ก่อนที่จะเดินทางต่อด้วยเครื่องบินแบบใบพัดไปยังเมืองโมซูล มูจาฟ (Mosul Mujaf) (ที่ราบนีนะเวห์) ซึ่งตามกำหนดการเครื่องจะเดินทางถึงเวลา 9:35 น. พระสันตะปาปาฟรานซิสจะทรงนำอธิษฐานภาวนาเพื่อผู้เคราะห์ร้ายของสงครามที่โฮซ อัล-บีเออา (Hosh al-Bieaa) หรือบริเณลานของวัด จากนั้นพระองค์จทรงเสด็จต่อไปยังเมืองการากอซ (Qaraqosh) ณ ที่ซึ่งพระองค์จะทรงเยี่ยมประชาสัตบุรุษที่วัดแม่พระปฏิสนธินิรมล หลังจากนั้นพระองค์จะเสด็จกลับเมืองแอร์บิล (Erbil) เวลาบ่าย 16.00 น. พระองค์จะทรงถวายบูชาขอบพระคุณที่สนามอัฒจรรย์ฟรานโซ ฮารีรี (Franso Hariri) จากนั้นจะเสด็จกลับกรุงแบกแดดโดยคาดที่จะเดินทางถึงเวลาเย็น 17.15 น.
วันที่ 4 ของการเยือน: กรุงแบกแดด (Baghdad), กรุงโรม (Rome)
วันจันทร์ ที่ 8 มีนาคม พระสันตะปาปาฟรานซิสจะเสด็จจากท่าอากาศยานนานาชาติกรุงแบกแดด เวลา 9.40 น. หลังพิธีอำลาสั้นๆ คาดว่าพระองค์จะเสด็จกลับถึงท่าอากาศยานชัมปีโน (Ciampino) กรุงโรมเวลา 12: 55 น.
(วิษณุ ธัญญอนันต์ – เก็บข่าวการเสด็จเยือนประเทศอีรักมาแบ่งปัน)
เหตุผลที่พระสันตะปาปาเสด็จประเทศอิรัก
โดย คุณพ่อ Rif’at Bader
ผู้อำนวยการด้านการศึกษาและสื่อสารมวลชน
จาก World Mission กุมภาพันธ์ 2021
อิรักเป็นประเทศศักดิ์สิทธิ์ประเทศหนึ่ง อับบราฮัม ได้เดินทางจากเมืองอูร์ แห่งคัลเดียน มุ่งสู่แผ่นดินศักดิ์สิทธิ์ ประกาศกโยนาห์ได้อาศัยในเมืองนินะเวห์ เทศน์ให้กลับใจและหันกลับมาหาพระเจ้า ยังเป็นประเทศที่ประชากรอพยพในพันธสัญญาเดิม ในระหว่าง “การอพยพ” สู่บาบิโลน
นายบาร์ฮัม ซาลีห์ (Barham Salih) ประธานธิบดีของอิรัก ได้ทูลเชิญโป๊ปฟรานซิสมาจาริกแสวงบุญสู่ดินแดนเมโสโปเตเมีย
ประการที่สอง พระศาสนจักรคาทอลิกในอิรักได้เชิญโป๊ปด้วย
พระศาสนจักร คาทอลิกในอิรักหมายถึง
พระศาสนจักรจารีตคัลเดียน ที่มีพระคาร์ดินัล หลุยส์ ราฟาแอล ซาโก
พระศาสนจักรจารีตซีเรียน ซึ่งมีมรณสักขีจากการระเบิดที่วัดแม่พระแห่งความรอด (Our Lady of Salvation) เมื่อ 10 ปีก่อน
พระศานจักรจารีตละติน มารอไนท์ กรีก คอปติก และอาร์เมเนียน
การที่ โป๊ปฟรานซิสเสด็จอิรัก เพราะไม่นานมานี้ถูกพวก ไอซิส เบียดเบียน จนต้องหนีออกจากที่ราบแห่งนินะเวห์และเมืองโมซุล ออกไปประเทศอื่นๆ (ค.ศ. 2014-2019) โป๊ปจึงเสด็จเพื่อให้กำลังใจชุมชนคริสตชนที่นี่ที่ประสบความวุ่นวายทางการเมืองหลายประการ มีสงครามและการต่อสู้ภายในประเทศ โป๊ปทรงต้องการให้กำลังใจ บรรดาผู้ที่ยืนหยัดอยู่ในดินแดนของบรรพบุรุษ แม้มีการถูกทำลายอย่างต่อเนื่อง
พระองค์จะเสด็จเยี่ยมประชาชนที่เมือง เออร์บิล (Erbil) ที่ได้อพยพมาจากเมือง โมซุล (Mosul) และที่ราบนินะเวห์
– โมซุล และ การากอช (Garagosh)
โป๊ปต้องการส่งเสริมการเสวนา และการอาศัยอยู่รวมกันระหว่างหลายศาสนา กับชาวมุสลิมนิกายชีอะห์ พระองค์ทรงต้องการเน้นความรู้สึก ถึงหน้าที่ ความรับผิดชอบในการอาศัยอยู่ร่วมกันฉันท์พี่น้อง หลังจากที่ได้เซ็น เอกสาร “ทุกคนเป็นพี่น้องกัน” (Fratelli Tutti)
พระองค์จะส่งสารแห่งสันติภาพ การเสวนาภราดรภาพ ความร่วมมือเพื่อสร้างชาติให้เข้มแข็งหลังจากสงครามอันขมขื่น เพื่อความหวังท่ามกลางชาวอิรัก เป็นพิเศษสำหรับบรรดาเยาวชน
ฟ. วีระ อาภรณ์รัตน์ (แปล)