วันศุกร์, 14 กุมภาพันธ์ 2568
  

พระสันตะปาปาฟรานซิสเสด็จเยือนประเทศอิรัก จาริกเพื่อสันติภาพจากกรุงโรม วันศุกร์ที่ 5 มีนาคม 2021

พระสันตะปาปาฟรานซิสทรงออกเดินทางจากท่าอากาศยานฟูมิชิโน (Fiumicino) กรุงโรมโดยเครื่องบินพระที่นั่งมุ่งสู่กรุงแบกแดด ตามกำหนดการเยือนแห่งอัครสาวก (Apostolic Visit) ณ ประเทศอิรักเป็นเวลา 4 วัน

        พระสันตะปาปาและคณะฯ เสด็จโดยสายการบิน “Alitalia” A330 ที่ท่าอากาศยานฟูมิชิโน (Fiumicino) เช้าวันศุกร์เพื่อเดินทางเยือนประเทศอิรักที่อยู่ในตะวันออกกลาง เครื่องบินพระที่นั่งออกเวลา 7.45 น. และคาดว่าจะถึงสนามบินนานาชาติกรุงแบกแดดเวลาบ่ายสองโมงเวลาท้องถิ่น นี่เป็นการเสด็จเยือนครั้งแรกในประวัติศาสตร์โลกของพระสันตะปาปาไปยังประเทศอิรัก

การพบปะก่อนออกเดินทาง

        ก่อนออกจากสถานพำนักซางตา มาร์ธา (Casa Santa Marta) เช้าวันศุกร์ พระสันตะปาปาฟรานซิสทรงพบปะด้วยเวลาสั้นๆ กับผู้อพยพชาวอิรักราวสิบสองคน ผู้ที่ลี้ภัยอยู่ในประเทศอิตาลี ผู้ลี้ภัยเหล่านั้นได้รับความช่วยเหลือจากชุมชนซาน เอจิดีโอ (Saint Egidio) และความร่วมมือของ “Auxilium Cooperative” พระคาร์ดินัลคอนราด ครายิวสกี้ (Konrad Krajewski) ผู้อำนวยการสำนักงานแจกจ่ายทานแห่งสันตะสำนักได้นำพวกเขาเข้าเฝ้าตามรายงานของมัตเตโอ บรูนี่ (Matteo Bruni) ผู้อำนายการสำนักข่าวแห่งสันตะสำนัก นครรัฐวาติกัน

ผู้บังคับบัญชาทหารอิรักสั่งเป็นวันพักการหยุดยิง

        ในขณะที่พระสันตะปาปาเริ่มออกเดินทางกลุ่มนักรบชีอะห์ที่ทำการต่อสู้ในประเทศอิรักประกาศหยุดยิงชั่วคราวฝ่ายเดียวในช่วงที่พระสันตะปาปาเสด็จเยือนประเทศอิรัก  หน่วยทหาร “Guardians of Blood Brigade” ประกาศว่าพวกเขาจะหยุดการปฏิบัติการทางทหารทุกชนิดในช่วงการเยือนของพระสันตะปาปาเพื่อแสดงความเคารพต่ออิหม่าม อัล-ซิสตานี่ (Imam al-Sistani) และในนามแห่งการต้อนรับของพี่น้องชาวอาหรับ เป็นที่ทราบกันในภาษาอาราบิค “ซารายา อาวลิยา อัลดัม – Saraya Awliya al-Dam” กลุ่มนักรบอ้างว่าการโจมตีด้วยจรวดในวันที่ 16 กุมภาพันธ์ต่อฐานทัพ ที่แอร์บิล (Erbil) ของกองทัพสหรัฐนั้นได้สังหารผู้รับเหมางานคนหนึ่ง

วันที่ 1 ของการเยือน: ณ กรุงแบกแดด

        เมื่อเดินทางถึงอิรักสมเด็จพระสันตะปาปาจะทรงพบกับนายกรัฐมนตรีมุสตาฟา อัล-คาดีมี (Mustafa al-Kadhimi) แบบส่วนพระองค์ จากนั้นจะมีพิธีการต้อนรับที่วังประธานาธิบดี พระสันตะปาปาจะทรงเสด็จไปเยี่ยมประธานาธิบดีบาร์ฮัม ซาลีห์ (Barham Salih) พระสันตะปาปาฟรานซิสจะพบเป็นครั้งแรกกับเจ้าหน้าที่บ้านเมือง และทูตานุทูตเวลาบ่าย 15.45 น. ที่วังประธานาธิบดี หลังจากนั้นพระองค์จะเสด็จไปยังอาสนวิหารซีโรคาทอลิก “พระมารดาแห่งความรอด” จะพบกับบรรดาบิชอป บาดหลวง นักบวช เณร และครูสอนคำสอน

วันที่ 2 ของการเยือน: เมืองนาจาฟ (Najaf), เมืองอูร์ (Ur), กรุงแบกแดด (Bagdad)

        วันเสาร์ ที่ 6 มีนาคม พระสันตะปาปาจะเสด็จโดยเครื่องบินพระที่นั่งไปยังเมืองนาจาฟ (Najaf) และเมืองอูร์ (Ur) จากนั้นจะเสด็จเดินทางกลับมา ณ กรุงแบกแดด

        ด้วยกำหนดการที่ต้องออกจากกรุงแบกแดดเวลา 7.45 น. เหตุการณ์สำคัญแรกของวัน ณ เมืองนาจาฟ (Najaf) พระองค์เสด็จไปพบกับมหาอยาตอลลาห์ ซายิด อาลี อา-ฮุเซนี อัล-ซิสตานี (Grand Ayatollah Sayid Ali a-Husayni al-Sistani) ซึ่งถือกันว่าเป็นผู้นำฝ่ายจิตวิญญาณของชาวมุสลิมนิกายชีอะห์ที่สำคัญท่านหนึ่งของชาวอิรัก จากนั้นพระสันตะปาปาจะเสด็จไปยังเมืองนาสซีรียาอัท (Nassiryiaat) เวลา 10.15 น. เพื่อการพบปะผู้นำศาสนานิกายชีอะห์ ณ เมืองอูร์ (Ur) บ้านเกิดเมืองนอนของอับราฮัม ในช่วงเวลาสั้นๆ เวลา 11:00 น. จากนั้นพระองค์จะเสด็จกลับกรุงแบกแดด ณ ที่ซึ่งพระองค์จะประกอบวจนพิธีที่อาสนวิหารนักบุญโยเซฟแห่งจารีตตะวันออกคาลเดียน (Chaldean)

วันที่ 3 ของการเยือน: เมืองอัรบีล (Erbil), เมืองโมซูล (Mosul), และเมืองการากอซ (Qaraqosh)

        วันอาทิตย์ ที่ 7 มีนาคม ซึ่งเป็นวันที่สามในประเทศอิรักพระสันตะปาปาจะทรงเดินทางไปยังเมืองอัรบีล (Erbil), เมืองโมซูล (Mosul) และเมืองการากอซ (Qaraqosh) ที่นั่นจะมีพิธีต้อนรับเมื่อไปถึงอัรบีล (Erbil) เวลา 8:20 น. โดยประธานาธิบดีแห่งแคว้นที่เป็นอิสระในการปกครองตนเองของชาวอีรัก คูร์ดีสถาน (Iraqi Kurdistan) และเจ้าหน้าที่พลเรือนของท้องที่ พระองค์จะพบปะกับเนชีร์วาน บาร์ซานี (Nechirvan Barzani) และมาสรูร์ บาร์ซานี (Masrour Barzani) ซึ่งเป็นประธานาธิบดีและรองประธานาธิบดีของแคว้นเป็นการส่วนพระองค์ ก่อนที่จะเดินทางต่อด้วยเครื่องบินแบบใบพัดไปยังเมืองโมซูล มูจาฟ (Mosul Mujaf) (ที่ราบนีนะเวห์) ซึ่งตามกำหนดการเครื่องจะเดินทางถึงเวลา 9:35 น. พระสันตะปาปาฟรานซิสจะทรงนำอธิษฐานภาวนาเพื่อผู้เคราะห์ร้ายของสงครามที่โฮซ อัล-บีเออา (Hosh al-Bieaa) หรือบริเณลานของวัด จากนั้นพระองค์จทรงเสด็จต่อไปยังเมืองการากอซ (Qaraqosh) ณ ที่ซึ่งพระองค์จะทรงเยี่ยมประชาสัตบุรุษที่วัดแม่พระปฏิสนธินิรมล หลังจากนั้นพระองค์จะเสด็จกลับเมืองแอร์บิล (Erbil) เวลาบ่าย 16.00 น. พระองค์จะทรงถวายบูชาขอบพระคุณที่สนามอัฒจรรย์ฟรานโซ ฮารีรี (Franso Hariri) จากนั้นจะเสด็จกลับกรุงแบกแดดโดยคาดที่จะเดินทางถึงเวลาเย็น 17.15 น.

วันที่ 4 ของการเยือน: กรุงแบกแดด (Baghdad), กรุงโรม (Rome)

        วันจันทร์ ที่ 8 มีนาคม พระสันตะปาปาฟรานซิสจะเสด็จจากท่าอากาศยานนานาชาติกรุงแบกแดด เวลา 9.40 น. หลังพิธีอำลาสั้นๆ คาดว่าพระองค์จะเสด็จกลับถึงท่าอากาศยานชัมปีโน (Ciampino) กรุงโรมเวลา 12: 55 น.

(วิษณุ ธัญญอนันต์ – เก็บข่าวการเสด็จเยือนประเทศอีรักมาแบ่งปัน)

เหตุผลที่พระสันตะปาปาเสด็จประเทศอิรัก

โดย คุณพ่อ Rif’at Bader

ผู้อำนวยการด้านการศึกษาและสื่อสารมวลชน

จาก World Mission กุมภาพันธ์ 2021

อิรักเป็นประเทศศักดิ์สิทธิ์ประเทศหนึ่ง อับบราฮัม ได้เดินทางจากเมืองอูร์ แห่งคัลเดียน มุ่งสู่แผ่นดินศักดิ์สิทธิ์ ประกาศกโยนาห์ได้อาศัยในเมืองนินะเวห์ เทศน์ให้กลับใจและหันกลับมาหาพระเจ้า ยังเป็นประเทศที่ประชากรอพยพในพันธสัญญาเดิม ในระหว่าง “การอพยพ” สู่บาบิโลน

นายบาร์ฮัม ซาลีห์ (Barham Salih) ประธานธิบดีของอิรัก ได้ทูลเชิญโป๊ปฟรานซิสมาจาริกแสวงบุญสู่ดินแดนเมโสโปเตเมีย

ประการที่สอง พระศาสนจักรคาทอลิกในอิรักได้เชิญโป๊ปด้วย

พระศาสนจักร คาทอลิกในอิรักหมายถึง

 พระศาสนจักรจารีตคัลเดียน ที่มีพระคาร์ดินัล หลุยส์ ราฟาแอล ซาโก

 พระศาสนจักรจารีตซีเรียน ซึ่งมีมรณสักขีจากการระเบิดที่วัดแม่พระแห่งความรอด (Our Lady of Salvation) เมื่อ 10 ปีก่อน

 พระศานจักรจารีตละติน มารอไนท์ กรีก คอปติก และอาร์เมเนียน

การที่ โป๊ปฟรานซิสเสด็จอิรัก เพราะไม่นานมานี้ถูกพวก ไอซิส เบียดเบียน จนต้องหนีออกจากที่ราบแห่งนินะเวห์และเมืองโมซุล ออกไปประเทศอื่นๆ (ค.ศ. 2014-2019) โป๊ปจึงเสด็จเพื่อให้กำลังใจชุมชนคริสตชนที่นี่ที่ประสบความวุ่นวายทางการเมืองหลายประการ มีสงครามและการต่อสู้ภายในประเทศ โป๊ปทรงต้องการให้กำลังใจ บรรดาผู้ที่ยืนหยัดอยู่ในดินแดนของบรรพบุรุษ แม้มีการถูกทำลายอย่างต่อเนื่อง

พระองค์จะเสด็จเยี่ยมประชาชนที่เมือง เออร์บิล (Erbil) ที่ได้อพยพมาจากเมือง โมซุล (Mosul) และที่ราบนินะเวห์

– โมซุล และ การากอช (Garagosh)

โป๊ปต้องการส่งเสริมการเสวนา และการอาศัยอยู่รวมกันระหว่างหลายศาสนา กับชาวมุสลิมนิกายชีอะห์ พระองค์ทรงต้องการเน้นความรู้สึก ถึงหน้าที่ ความรับผิดชอบในการอาศัยอยู่ร่วมกันฉันท์พี่น้อง หลังจากที่ได้เซ็น เอกสาร “ทุกคนเป็นพี่น้องกัน” (Fratelli Tutti)

พระองค์จะส่งสารแห่งสันติภาพ การเสวนาภราดรภาพ ความร่วมมือเพื่อสร้างชาติให้เข้มแข็งหลังจากสงครามอันขมขื่น เพื่อความหวังท่ามกลางชาวอิรัก เป็นพิเศษสำหรับบรรดาเยาวชน

ฟ. วีระ อาภรณ์รัตน์ (แปล)