18 พฤศจิกายน
วันครบรอบการถวายพระวิหารนักบุญเปโตร และนักบุญเปาโล อัครสาวก
(Dedication of the Basilicas of St. Peter and St. Paul)
(1) พระวิหารนักบุญเปโตร
วัดหลังแรกที่สร้างเพื่อเป็นที่ระลึกถึงได้ก่อสร้างบนหลุมฝังศพของนักบุญเปโตร ตั้งอยู่ปลายเนินวาติกันในกรุงโรมนั้น เป็นผลงานของนักบุญ อนาคลีตุส, พระสันตะปาปา (Pope St. Anacletus) ราวปี ค.ศ. 79 – 92 ณ ที่นี้พระธาตุของพระสันตะปาปาองค์แรกถูกเก็บรักษาไว้อย่างดีนับตั้งแต่นั้นมา ยกเว้น ช่วงระยะเวลาสั้นๆในปี ค.ศ. 258 มีการนำไปหลบซ่อนไว้ในคาตาคอมป์นักบุญเซบาสเตียน เพื่อปกป้องให้รอดพ้นจากการดูหมิ่นศาสนาในช่วงการเบียดเบียนของจักรพรรดิวาเลเรียน (Valerian) มาในสมัยจักรพรรดิคอนสแตนตินผู้ยิ่งใหญ่ ได้ทรงสร้างบาสิลิกาที่สง่างามขึ้นมาเหนือหลุมศพนักบุญเปโตร ในปี ค.ศ. 319 มีการปรับปรุงอีกหลายครั้งในกาลเวลาต่อมา และเมื่อเก่ามากจนใกล้จะพังทลายแล้ว พระสันตะปาปาจูลีอุส ที่ 2 (Pope Julius II) จึงทรงสั่งทุบทิ้งทั้งหมด และให้สร้างขึ้นใหม่ โดยทรงเสกศิลาฐานของพระวิหารเมื่อวันที่ 18 เมษายน ค.ศ. 1506 และนี่ก็คือพระวิหารที่เราเห็นกันในปัจจุบันนี้ ซึ่งถือว่ายิ่งใหญ่และล้ำค่ามากที่สุด โดยสร้างขึ้นมาจากการออกแบบของบรามันเต (Bramante) และมิเกลันเจโล (Michelangelo) ซึ่งสามารถจุคนได้ถึง 50,000 คน พระวิหารนี้ได้รับการเสกอย่างสง่าโดยพระสันตะปาปาอูรบัน ที่ 8 (Pope Urban VIII) เมื่อวันที่ 18 พฤศจิกายน ค.ศ. 1626
(2) พระวิหารนักบุญเปาโล (นอกกำแพง)
ในปี ค.ศ. 103 Pope St Evaristus (พระสันตะปาปาลำดับที่ห้า ในช่วงระหว่างปี ค.ศ. 99 – 107) ได้ทรงสร้างวัดหลังแรกบนตำแหน่งที่ฝังศพของนักบุญเปาโล ใกล้ๆกับอารามฤาษีแห่งน้ำพุ(เล็ก)ทั้งสาม (Tre Fontane) บนถนนออสเตียน (Ostian way) ซึ่งเป็นที่เชื่อกันว่านักบุญเปาโลได้ถูกตัดศีรษะและถูกฝังไว้ที่นี่ (บางตำราบอกว่า Pop St Anacletus ซึ่งเป็นพระสันตะปาปาลำดับที่สาม ได้ทรงสร้างวัดหลังแรกนี้ ซึ่งถ้าเป็นเช่นนั้นจริง ก็ต้องเป็นช่วงก่อนปี ค.ศ. 92) วัดนี้ได้รับความเคารพกันว่ากฎหมายโรมันมิสามารถทำอะไรได้ ในปี ค.ศ. 324 จักรพรรดิคอนสแตนตินผู้ยิ่งใหญ่ได้ทรงเปลี่ยนแปลงจากวัดให้เป็นบาสิลิกาที่งดงาม และในปี ค.ศ. 385 อาคารที่ใหญ่กว่าที่มีความยาวถึง 400 ฟุตก็สร้างสำเร็จ สถานที่ตั้ง “อยู่นอกกำแพง” ต่อมาบาสิลิกาหลังนี้ถูกปล้นในปี ค.ศ. 739 อย่างไรก็ตาม ได้มีการบูรณะและแต่งเสริมเติมต่อเป็นช่วงๆระหว่าง ค.ศ. 1500 ถึง ค.ศ. 1700 จากนั้นก็คงอยู่มาจนถึงปี ค.ศ. 1823 ได้เกิดไฟไหม้ครั้งใหญ่ทำลายไป พระวิหารของนักบุญเปาโลหลังใหม่ ซึ่งได้พยายามรักษาโฉมหน้าหรือลักษณะแบบโบราณไว้ก็ได้รับการเสกอย่างสง่าโดยพระสันตะปาปา ปีโอ ที่ 9 (Pope Pius IX) ในปี ค.ศ. 1854 สองวันหลังการประกาศข้อความเชื่อเรื่องการปฏิสนธินิรมลของพระนางมารีย์พรหมจารีนั่นเอง
(ถอดความโดย คุณพ่อ วิชา หิรัญญการ จากหนังสือ Saint Companions For Each Day ; เขียนโดย A.J.M. Mausolfe และ J.K. Mausolfe)