วันศุกร์, 14 กุมภาพันธ์ 2568
  

บทเทศน์วันอาทิตย์ใบลานแห่งพระมหาทรมานของพระเยซูคริสต์ วันที่ 28 มีนาคม 2021 ณ มหาวิหารนักบุญเปโตร

        ทุกปีพิธีกรรมทำให้พวกเราต้องตื่นเต้นอย่างประหลาดใจ พวกเราผ่านจากความชื่นชมยินดีในการต้อนรับพระเยซูคริสต์ในขณะที่พระองค์เสด็จเข้าสู่กรุงเยรูซาเล็มสู่ความเศร้าที่เห็นพระองค์ถูกคำสั่งลงโทษประหารชีวิตด้วยความตายบนไม้กางเขน ความรู้สึกประหลาดภายในนั้นจะอยู่กับพวกเราไปตลอดสัปดาห์ศักดิ์สิทธิ์ ขอให้พวกเราไตร่ตรองกันอย่างลึกซึ้งกับเรื่องนี้

        พระเยซูคริสต์ทำให้พวกเรารู้สึกตื่นเต้นและประหลาดใจตั้งแต่แรก ประชากรได้ถวายการต้อนรับพระองค์อย่างยิ่งใหญ่ แต่พระองค์ก็เสด็จเข้ากรุงเยรูซาเล็มบนหลังลา ประชากรหวังที่จะเห็นผู้ช่วยให้พวกเขารอดจากอำนาจที่ถูกกดขี่ในโอกาสปัสกา แต่พระองค์ทรงทำให้ปัสกาสำเร็จลุล่วงไปด้วยการอุทิศพระองค์เอง ประชากรของพระองค์หวังที่จะมีชัยเหนือพวกโรมันด้วยคมดาบ แต่พระเยซูคริสต์เสด็จมาเพื่อที่จะฉลองชัยชนะของพระเจ้าโดยอาศัยไม้กางเขน สิ่งที่เกิดขึ้นกับประชากรที่เมื่อไม่กี่วันมานี้เพิ่งโห่ร้องจาก “โฮซันนา” กลับตะโกนว่า “เอามันไปตรึงบนไม้กางเขน”? อะไรเกิดขึ้น? พวกเขาเชื่อตามความคิดของตนเองเกี่ยวกับพระผู้ไถ่ แทนที่จะเชื่อในพระผู้ไถ่พระแมสซีอาห์ พวกเขาพิศวงในพระเยซูคริสต์ แต่พวกเขาไม่รู้สึกการทำให้ตนได้รับความประหลาดใจ ความปราะหลาดใจไม่เหมือนกับการนิยมสรรเสริญหรือชื่นชม การนิยมสรรเสริญค่อนข้างไปในทางโลกีย์วิสัย เพราะนั่นจะเป็นไปในทำนองตามค่านิยมและการคาดหวังของตัวเราเอง ส่วนการประหลาดใจแบบฉงนจะเปิดใจกว้างสู่ผู้อื่น และสู่สิ่งใหม่ๆ ที่นำมาให้ แม้กระทั่งในทุกวันนี้มีผู้คนเป็นอันมากที่นิยมสรรเสริญพระเยซูคริสต์ พระองค์ตรัสสิ่งสวยงามมากมาย พระองค์ทรงเปี่ยมด้วยความรักและการให้อภัย แบบฉบับของพระองค์เปลี่ยนแปลงประวัติศาสตร์…ฯลฯ  พวกเขาชื่นชมพระองค์ ทว่าชีวิตของพวกเขาไม่มีการเปลี่ยนแปลง การชื่นชมพระเยซูคริสต์ยังไม่เพียงพอ พวกเราต้องเจริญชีวิตตามรอยพระบาทของพระองค์ ต้องยอมให้ตัวเราเองได้รับการท้าทายจากพระองค์ ต้องผ่านเพียงจากการนิยมชมชอบเป็นความประหลาดใจแบบฉงนสนเท่ห์

        สิ่งใดคือสิ่งที่น่าประหลาดใจที่สุดเกี่ยวกับพระเยซูคริสต์ และสิ่งใดคือปัสกาของพระองค์?  เป็นความจริงที่ว่าพระองค์ทรงได้รับพระสิริมงคลด้วยความสุภาพถ่อมตนของพระองค์ พระองค์มีชัยชนะด้วยการยอมรับความทุกข์ทรมานและความตาย อันเป็นสิ่งซึ่งพวกเรามักจะหลีกเลี่ยง แต่กลับไปแสวงหาความนิยมชื่นชมและความสำเร็จแบบชาวโลกทั่วไป เฉกเช่นที่นักบุญเปาโลกล่าวกับพวกเราว่า “จงทำตนเป็นคนว่างเปล่า… พระองค์ทรงถ่อมตนลง” (ฟป. 2: 7-8) นี่คือสิ่งที่น่าประหลาดใจ คือการที่พระเจ้าผู้ยิ่งใหญ่ทรงลดตนเองลงจนไม่เหลืออะไรเลย การที่พวกเราเห็นพระวจนาตถ์ ผู้ทรงสรรพานุภาพ ทรงทราบทุกสิ่ง ทรงสอนพวกเราอย่างเงียบๆ บนที่สูงแห่งไม้กางเขน พวกเรามองเห็นพระราชาแห่งจอมราชันผู้ประทับบนพระบัลลังก์กลับมาอยู่บนตะแลงแกง การเห็นพระเจ้าแห่งสากลจักรวาลถูกเปลื้องจนหมดทุกสิ่ง และสวมมงกุฎหนามแทนที่จะเป็นมงกุฎที่สวยงามรุ่งโรจน์ การเห็นพระผู้ทรงเป็นองค์แห่งคุณงามความดี แต่บัดนี้ถูกสบประมาทและถูกโบยตี เหตุใดจึงต้องสุภาพต่ำต้อยเช่นนี้? ข้าแต่พระเยซูคริสต์ เหตุใดพระองค์จึงทรงยอมทนต่อสิ่งเหล่านี้?

        พระเยซูคริสต์ทรงกระทำไปเพื่อพวกเรา เพื่อโอบอุ้มประสบการณ์มนุษย์ของพวกเรา เพื่อการมีชีวิตของพวกเรา เพื่อชำระล้างบาปทั้งปวงของเรา เพื่อเข้าใกล้พวกเรา และไม่ทรงทอดทิ้งพวกเราในยามที่พวกเราเผชิญความทุกข์และใกล้ตาย เพื่อที่จะไถ่กู้พวกเรา เพื่อช่วยให้พวกเรารอด พระเยซูคริสต์ถูกยกขึ้นสูงบนไม้กาเขนเพื่อที่จะเสด็จลงมายังห้วงเหวแห่งความทุกข์ของพวกเรา พระองค์ทรงมีประสบการณ์กับความทุกช์สูงสุดของพวกเรา ไม่ว่าจะเป็นความล้มเหลว การสูญเสียทุกสิ่งทุกอย่าง การถูกทรยศจากเพื่อน ๆ แม้กระทั่งการถูกทอดทิ้งจากพระเจ้า โดยอาศัยประสบการณ์จากการต่อสู้ดิ้นรนและความขัดแย้งทางกายภาพของพวกเรา พระองค์ทรงไถ่กู้และเปลี่ยนแปลงตัวเรา ความรักของพระองค์ขยับเข้ามาใกล้กับความอ่อนแอของพวกเรา ความรักไปสัมผัสกับสิ่งที่พวกเรารู้สึกอับอายมากที่สุด แต่บัดนี้พวกเราทราบว่า พวกเราไม่ได้อยู่ตามลำพัง พระเจ้าทรงประทับอยู่เคียงข้างพวกเราในควาทุกข์ยากลำบากทุกอย่าง และในความกลัวทุกสิ่ง ไม่มีความชั่วร้ายหรือบาปใดจะทำให้สิ่งต่าง ๆ จบสิ้น พระเจ้าทรงมีชัยชนะเหนือบาป เหนือความชั่ว เหนือความตาย ทว่าใบปาล์ม ใบลานแห่งชัยชนะจำเป็นต้องผ่านไม้กางเขน เพราะใบปาล์มและไม้กางเขนเป็นสิ่งที่จะแยกออกจากกันไม่ได้

        ขอให้พวกเราวอนขอพระหรรษทานที่จะทำให้รู้สึกประหลาดใจ ชีวิตคริสตชนหากปราศจากซึ่งการประหลาดใจจะจืดชืดน่าเบื่อหน่าย พวกเราจะพูดถึงความชื่นชมยินดีของการพบปะกับพระเยซูคริสต์ได้อย่างไร นอกจากว่าพวกเรารู้สึกประหลาดใจ และตื่นเต้นต่อความรักของพระองค์ทุกวัน ซึ่งจะนำการให้อภัยและความเป็นไปได้ที่จะเริ่มต้นชีวิตใหม่แก่พวกเรา? เมื่อความเชื่อไม่มีประสบการณ์กับสิ่งประหลาดใจอีกต่อไปนั่นจะกลายเป็นสิ่งน่าเบื่อ จะกลายเป็นคนตาบอดที่ไม่อาจมองเห็นความมหัศจรรย์แห่งพระหรรษทาน และไม่อาจลิ้มรสปังแห่งชีวิต ไม่ได้ยินเสียงของพระวาจา ไม่สามารถมองเห็นความสวยงามของบรรดาพี่น้องและของขวัญแห่งสรรพสิ่งสรรพสัตว์ ไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากจะพึ่งพาเพียงกับตัวบทกฎหมาย และอำนาจสมณะนิยม และทุกสิ่งที่พระเยซูคริสต์ทรงประณามที่บ่งชี้ในพระวรสารโดยนักบุญมัทธิว บทที่ 23

        ในสัปดาห์ศักดิ์สิทธิ์นี้ ขอให้พวกเราพิศเพ่งสายตาขึ้นสู่ไม้กางเขน เพื่อที่จะรับพระหรรษทานแห่งความประหลาดใจ เฉกเช่นที่นักบุญฟรันซิสแห่งอัสซีซี ได้พิศเพ่งพระเยซูคริสต์ที่ตรึงบนไม้กางเขน ท่านนักบุญประหลาดใจว่าบรรดานักพรตของตนไม่ได้ร้องไห้ แล้วพวกเราล่ะ? พวกเรารู้สึกสะเทือนใจจากความรักของพระเจ้าบ้างไหม? พวกเราสูญเสียความรู้สึกที่จะได้รับความประหลาดใจจากพระองค์แล้วหรือ? เพราะเหตุใด? อาจเป็นได้ว่าความเชื่อของพวกเราน่าเบื่อหน่ายจนเป็นนิสัย อาจเป็นได้ว่าพวกเราติดกับดักอยู่เพียงการเสียอกเสียใจของพวกเรา และยอมเป็นง่อยอยู่กับความผิดหวังของพวกเรา อาจเป็นได้ว่าพวกเราสูญเสียความวางใจของพวกเรา หรือแม้กระทั่งรู้สึกว่าตัวของพวกเรานั้นไร้ค่า แต่บางทีเบื้องหลังของ “สิ่งที่อาจเป็นไปได้เหล่านี้” อยู่ในความจริงว่าพวกเราไม่ได้เปิดใจให้กับพระหรรษทานของพระจิต ผู้ทรงประทานพระหรรษทานแห่งความประหลาดใจให้กับพวกเรา

        ขอให้พวกเราเริ่มต้นกันใหม่จากความประหลาดใจ ขอให้พวกเราพิศเพ่งไปที่พระเยซูคริสต์บนไม้กางเขนพร้อมกับกล่าวกับพระองค์ว่า “ข้าแต่พระเยซูคริสต์ พระองค์ทรงรักลูกเหลือเกิน ลูกมีค่าเพียงใดต่อพระองค์!” ขอให้พวกเราได้รับความประหลาดใจจากพระเยซูคริสต์เพื่อที่พวกเราจะสามารถเริ่มต้นชีวิตใหม่อีกครั้งหนึ่ง เพราะความเป็นสิริมงคลของชีวิตไม่ได้ขึ้นอยู่กับความร่ำรวยและยศถาบรรดาศักดิ์ แต่อยู่กับการรับรู้ว่าพวกเราได้รับความรัก นี่คือสิริมงคลแห่งชีวิต ซึ่งได้แก่การพบว่าพวกเราได้รับความรัก และสิริมงคลแห่งชีวิตก็อยู่ที่ความสวยงามแห่งความรักนั่นเอง ในพระเยซูคริสต์ผู้ถูกตรึงบนไม้กางเขน พวกเรามองเห็นว่าพระเจ้าถูกสบประมาท ทว่าพระเจ้ามิได้สนพระทัยการถูกเหยียดหยาม และด้วยพระหรรษทานแห่งความประหลาดใจพวกเราจึงรับรู้ว่าต้องต้อนรับผู้ที่ถูกสบประมาท ต้องเข้าใกล้ผู้ที่ถูกปฏิบัติอย่างเลวร้ายในชีวิต นั่นแหละพวกเรากำลังรักพระเยซูคริสต์ เพราะว่าพระองค์ทรงประทับอยู่ที่นั่น อยู่ในบรรดาพี่น้องชายหญิงที่ต่ำต้อยที่สุด ในผู้ที่ถูกปฏิเสธไม่มีผู้ใดเหลียวแล ในผู้ถูกประณามจากบุคคลที่คิดว่าตัวเองถูกต้องเสมอ

        พระวรสารวันนี้แสดงให้พวกเราเห็นว่า ทันทีหลังการสิ้นพระชนม์ของพระเยซูคริสต์ ได้เกิดภาพลักษณ์อันโดดเด่น เป็นฉากของนายร้อย เมื่อเขาเห็นพระเยซูคริสต์สิ้นพระชนม์แล้ว เขากล่าวว่า “แน่นอนว่าชายผู้นี้เป็นพระบุตรของพระเจ้า!” (มก. 15: 39) เขาประหลาดใจเพราะความรัก เขาเห็นพระเยซูคริสต์สิ้นพระชนม์เช่นไรหรือ? เขาเห็นพระองค์สิ้นพระชนม์ในความรัก และนี่เป็นสิ่งที่ทำให้เขาประหลาดใจ พระเยซูคริสต์ทรงทนทุกข์ทรมานมากมาย แต่พระองค์ไม่เคยหยุดที่จะรัก นี่คือสิ่งที่จะต้องประหลาดใจต่อพระพักตร์พระเจ้า มีผู้ใดบ้างที่ทำให้ความตายเปี่ยมด้วยความรัก ในความรักที่มอบให้แบบเปล่า ๆ ชนิดที่ไม่มีที่ใดปรากฏมาก่อนเลย นายร้อยต่างศาสนาผู้นั้นได้พบกับพระเจ้า คำพูดของเขา แน่นอนว่าชายผู้นี้คือพระบุตรของพระเจ้า เป็น “การประทับตรา” ให้กับเรื่องราวของปัสกา พระวรสารบอกพวกเราว่ายังมีคนอื่นๆ อีกมากมายที่รับทราบว่าพระองค์เป็นพระบุตรของพระเจ้า และพระองค์ทรงทำอัศจรรย์มากมาย แต่พระเยซูคริสต์ทรงปิดปากพวกเขา เพราะว่าพวกเขาเพียงแต่ชื่นชมอยู่เพียงระดับโลกียวิสัยในการคิดถึงพระเจ้าว่าพระองค์จะต้องได้รับการนมัสการ และเกิดความกลัวเพราะพละอำนาจของพระองค์ แต่บัดนี้หาเป็นเช่นนั้นไม่ เพราะ ณ แทบเท้าไม้กางเขนไม่อาจที่จะผิดพลาดได้ พระเจ้าทรงเผยแสดงพระองค์ และทรงปกครองด้วยอำนาจที่ปราศจากอาวุธ และด้วยอำนาจแห่งความรักเท่านั้น

        ลูก ๆ และ พี่น้องชายหญิงที่รัก วันนี้พระเจ้ายังคงทำให้จิตใจพวกเราเปี่ยมด้วยความประหลาดใจ ขอให้พวกเราเปี่ยมด้วยความประหลาดใจในขณะที่พวกเราพิศเพ่งไปยังพระเยซูคริสต์ที่ถูกตรึงอยู่บนไม้กางเขน ขอให้พวกเรากล่าวเช่นเดียวกันว่า “พระองค์ทรงเป็นพระบุตรของพระเจ้าแท้จริง พระองค์ทรงเป็นพระเจ้าของลูก”

(วิษณุ ธัญญอนันต์ – เก็บบทเทศน์ของพระสันตะปาปามาแบ่งปันและไตร่ตรอง)