
#เราคริสตชนเป็นพระศาสนจักรเป็นประชากรของพระเจ้า
“พระศาสนจักร” ไม่ใช่แค่เป็นโครงสร้างทางศาสนาเท่านั้น แต่เป็น “ประชากรของพระเจ้า” ที่พระจิตเจ้าทรงทำให้มีชีวิต เมื่อเรารับศีลล้างบาป เราทุกคนเป็นพี่น้องกันในพระคริสตเจ้า ได้รับการเรียกไปสู่ความศักดิ์สิทธิ์ และถูกส่งออกไปทำพันธกิจแห่งการประกาศข่าวดี เป็นพยานถึงพระวรสาร (เทียบ FD 15-16)
ในบริบทที่หลากหลายของแต่ละท้องถิ่น ประชากรของพระเจ้า ประกาศและเป็นพยานถึงข่าวดีแห่งความรอดพ้นด้วยการอยู่ในโลกและเพื่อโลก โดยมีพระนางมารีย์ ทรงเป็นเครื่องหมายแห่งความหวังและคอยสนับสนุน อยู่เคียงข้างเสมอ (เทียบ FD 17)
พระศาสนจักรต้องอยู่เคียงข้างบรรดาผู้ที่ยากจน ผู้ที่อยู่ชายขอบของสังคมเป็นพิเศษ และยังต้องเรียนรู้ยอมรับพวกเขาเหล่านี้ในฐานะผู้ประกาศข่าวดีด้วย (เทียบ FD 19)
#เอกสารสรุปซีนอด2021-2024

#ศีลศักดิ์สิทธิ์ทำให้เราคริสตชนเป็นหนึ่งเดียวกัน
“ศีลล้างบาป” ทำให้เราเริ่มต้นชีวิตใหม่ รับชื่อเป็น “คริสตชน” เป็นสมาชิกในพระศาสนจักร มีความเชื่อในพระคริสตเจ้าผู้ทรงกลับคืนชีพ ร่วมเป็นหนึ่งเดียวกันตามแบบของพระตรีเอกภาพ ผ่านทางพันธกิจของพระศาสจักร (เทียบ FD 21-24)
“ศีลกำลัง” เสริมสร้างชีวิตของผู้ที่มีความเชื่อ ให้มีความกล้าหาญที่จะเป็นประจักษ์พยาน มุ่งมั่นรับใช้พระอาณาจักรของพระเจ้าด้วยความอ่อนน้อมถ่อมตนและความคิดสร้างสรรค์ (เทียบ FD 25)
“ศีลมหาสนิท” การเฉลิมฉลองพิธีบูชาขอบพระคุณในทุกวันอาทิตย์ การมีส่วนร่วมเป็นการรวมพระพรที่หลายหลายทำให้เราเป็นหนึ่งเดียวกันเพื่อความดีส่วนรวม (เทียบ FD 26)
ทุกวันอาทิตย์ เราอ่านพระวาจาของพระเจ้า ร่วมกันไตร่ตรอง แยกแยะพระประสงค์ของพระเจ้าเพื่อนำไปปฏิบัติ นอกจากนั้น ยังสามารถตั้งกลุ่มศึกษาเฉพาะ เพื่อทำให้การเฉลิมฉลองพิธีกรรมมีความหมายพัฒนาแหล่งข้อมูลคำสอน ที่เน้นการอธิบายความหมายที่ลึกซึ้งของศีลศักดิ์สิทธิ์ (เทียบ FD 27)
#เอกสารสรุปซีนอด2021-2024


#ความหมายและมิติของการก้าวเดินไปด้วยกัน
“Synodality” การก้าวเดินไปด้วยกัน หมายถึง การเดินทางเคียงข้างกันของคริสตชน ในฐานะศิษย์ของพระคริสตเจ้า ไม่ใช่การเดินคนเดียวลำพัง แต่เป็นการรวมตัวกันในทุกระดับของพระศาสนจักร เพื่อมุ่งไปสู่พระอาณาจักรของพระเจ้า รับฟัง เสวนา และไตร่ตรองแยกแยะร่วมกัน
การก้าวเดินไปด้วยกัน ไม่ได้หมายถึงการประชุม หรือการรวมกันเป็นสถาบันเท่านั้น แต่คือ “วิถีชีวิตของพระศาสนจักร” ที่ทำให้ทุกเสียงในชุมชนได้รับการได้ยินมากขึ้น ทั้งฆราวาส พระสงฆ์และนักบวช ล้วนได้รับเรียกให้มีบทบาทในกระบวนการนี้
การเป็น “ชุมชนซีนอด” คือการตระหนักว่าพระจิตเจ้าทรงทำงานในทุกคน ไม่ว่าจะเป็นผู้ใหญ่ เด็ก ชาย หญิง คนยากจน หรือคนที่ถูกทอดทิ้ง (เทียบ FD 28)
#FinalDocument#เอกสารสรุปซีนอด

#พระนางมารีย์ต้นแบบของเราคริสตชน
“แม่พระ” พระมารดาของพระคริสตเจ้า ทรงเป็นแบบอย่างของพระศาสนจักรที่รับฟัง ที่เป็นธรรมทูต ที่มีความเมตตา จากแบบอย่างของแม่พระ เราคริสตชนเรียนรู้ที่จะฟังกันและกันอย่างใส่ใจ เปิดใจฟังพระประสงค์ของพระเจ้า นบนอบเชื่อฟังพระวาจาของพระเจ้า พร้อมที่จะรับฟังความต้องการของผู้ยากไร้ และออกไปเพื่อช่วยเหลือผู้ที่ต้องการความช่วยเหลือ (เทียบ FD 29)
#FinalDocument#เอกสารสรุปซีนอด

การก้าวเดินไปด้วยกันและพันธกิจ เป็นสิ่งที่เชื่อมโยงกันอย่างใกล้ชิด
“พันธกิจ” ทำให้ “การก้าวเดินไปด้วยกัน” มีความหมาย
“การก้าวเดินไปด้วยกัน” ช่วยกระตุ้นให้ “พันธกิจ” เป็นจริง
การก้าวเดินไปด้วยกันในพระศาสนจักร เป็นภาพของคริสตชนที่ใช้ชีวิตร่วมกันในฐานะประชากรของพระเจ้า ร่วมกันทำงานผ่านโครงสร้างและกระบวนการของวัด สังฆมณฑล พระศาสนจักรท้องถิ่น และยังมีการประชุมในวาระพิเศษต่าง ๆ ภายใต้การนำของพระสังฆราช และพระสันตะปาปา เพื่อรับฟังพระจิตเจ้าและมุ่งสู่พันธกิจแห่งการประกาศข่าวดีให้แก่คนทุกชาติ ในทุกที่ทุกเวลา
#FinalDocument#เอกสารสรุปซีนอด

ผู้อภิบาลในพระศาสนจักรคาทอลิกมีหน้าที่หลัก ดังนี้
เป็นผู้รับใช้ประชากรของพระเจ้า ดำเนินชีวิตตามแบบอย่างพระคริสตเจ้า เป็นศีรษะ เป็นผู้เลี้ยงแกะ ดูแลและปกป้องฝูงแกะ เป็นผู้รับใช้ ถ่อมตนเพื่อผู้อื่น
ธำรงรักษาความเชื่อและพันธกิจการประกาศข่าวดี ทำหน้าที่รักษาความเชื่อของพระศาสนจักร และเสริมสร้างความซื่อสัตย์ต่อการประกาศพระวรสาร
สร้างและส่งเสริมเอกภาพ เชื่อมโยงคริสตชนในระดับท้องถิ่น ภูมิภาค และสากล ให้เป็นหนึ่งเดียวกันในพระคริสตเจ้า
รับฟัง แยกแยะ ตัดสินใจ ส่งเสริม สนับสนุน และเดินไปด้วยกันกับประชากรของพระเจ้า
ตัวผู้อภิบาลเองก็ได้รับการเชื้อเชิญให้กลับใจ ปรับเปลี่ยนทัศนคติ และปฏิรูปการรับใช้ เพื่อให้สอดคล้องกับจิตตารมณ์ของพระวรสาร
#FinalDocument#เอกสารสรุปซีนอด

#เริ่มต้นที่ครอบครัวที่เป็นพระศาสนจักรขนาดเล็ก
พระศาสนจักรจะเติบโตได้ ต่อเมื่อคริสตชนทุกคนมีความสัมพันธ์ที่ดีต่อพระเจ้าและต่อกันและกัน
เริ่มต้นจากครอบครัว ที่เป็น “พระศาสนจักรขนาดเล็ก” เป็นสถานที่แรกที่เราได้เรียนรู้ที่จะอยู่ร่วมกับผู้อื่นที่มีความแตกต่างกัน ทั้งวัย เพศ และบทบาทหน้าที่ ที่นี่เราได้เรียนรู้การให้อภัย การยอมรับ การรับฟัง และการตัดสินใจร่วมกัน ซึ่งทั้งหมดนี้เป็นทักษะสำคัญที่จำเป็นต่อการเดินไปด้วยกันในพระศาสนจักร (เทียบ FD 35)
พระจิตเจ้าประทานพระพรและความสามารถที่หลากหลายให้กับทุกคนในพระศาสนจักร เพื่อให้เราแต่ละคนได้นำมาใช้เพื่อส่วนรวม ความแตกต่างไม่ได้เป็นอุปสรรค แต่เป็นโอกาสที่เราจะได้แลกเปลี่ยนพระพร เรียนรู้และเติบโต (เทียบ FD 39)
ความเป็นสากลของพระศาสนจักร ประกอบด้วยพระศาสนจักรท้องถิ่นทั่วโลก ซึ่งมีความหลากหลายทั้งในด้านพิธีกรรม กฎระเบียบ และวัฒนธรรม การเดินไปด้วยกันไม่ได้จำกัดอยู่แค่ในพระศาสนจักร แต่ยังรวมถึง การเปิดใจรับ มองต่างมุม และสร้างความสัมพันธ์ที่ดีกับคริสตชนจากนิกายอื่น และกับผู้ที่ไม่ได้เป็นคริสตชนด้วย ร่วมมือกันเพื่อสร้างโลกที่ดีขึ้นและร่วมกันสวดภาวนาเพื่อสันติภาพ สร้างความเป็นหนึ่งเดียวที่แท้จริง (เทียบ FD 40-42)
#FinalDocument#เอกสารสรุปซีนอด


การเดินทางของ “ชีวิตฝ่ายจิต” ในบริบทของการเดินไปด้วยกันในพระศาสนจักร เน้นย้ำว่าการเปลี่ยนแปลงที่แท้จริงต้องมาจากภายในจิตใจ คริสตชนต้องเรียนรู้ที่จะฟังเสียงของพระจิตเจ้าที่พูดผ่านทุกคนและในทุกสิ่ง แยกแยะ ไตร่ตรอง และเปิดใจให้พระจิตเจ้าทรงนำทาง อาศัยการภาวนาด้วยท่าทีที่เปิดกว้าง ถ่อมตน อดทน และเต็มใจที่จะให้และรับการอภัย (เทียบ FD 44-45)
#FinalDocument#เอกสารสรุปซีนอด

การก้าวเดินไปด้วยกันในโลกปัจจุบัน ที่เต็มไปด้วยความไม่เท่าเทียมกัน ความขัดแย้ง ความอยุติธรรม เรื่องอื้อฉาวเกี่ยวกับการล่วงละเมิด วัฒนธรรมที่มุ่งแต่ความสำเร็จส่วนตัว เพิกเฉยต่อผู้ยากไร้ สังคมที่ปลีกตัวออกจากกันและต่างคนต่างอยู่ #คริสตชนจะต้องเป็นประกาศก เป็นเสียงที่คัดค้าน พร้อมจะเยียวยาบาดแผล แก้ไขความผิดพลาดในอดีต และสร้างความไว้วางใจขึ้นใหม่ คริสตชนถูกเรียกร้องให้ดูแล พึ่งพาอาศัยกันและกัน ร่วมรับผิดชอบต่อความดีส่วนรวม เป็นประจักษ์พยานถึงความเป็นเอกภาพในโลกที่ต้องการความหวัง (เทียบ FD 47-48)
#FinalDocument#เอกสารสรุปซีนอด
